ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


Advertisement

ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมข่าวการศึกษา  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

ศ.นพ.วิจารณ์ ชี้สิงคโปร์ประกาศแล้ว แก้ทัศนคติพ่อแม่เลิกบ้าเกรด เน้นความเก่งของผู้เรียน


ข่าวการศึกษา 16 พ.ค. 2559 เวลา 06:33 น.

68,859

views
Advertisement


ศ.นพ.วิจารณ์ ชี้สิงคโปร์ประกาศแล้ว แก้ทัศนคติพ่อแม่เลิกบ้าเกรด เน้นความเก่งของผู้เรียน

นายกสภามหาวิทยาลัยมหิดล ชี้การพัฒนาครูต้องเปลี่ยนจากการอบรมที่พรากครูจากห้องเรียน และทำให้เกิดอาชีพ “รับจ้างอบรม” เป็นการสร้างชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพที่เน้นการวิจัยและพัฒนาร่วมกัน ระหว่างครูและผู้อำนวยการรร.โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้ต่อเนื่อง

เมื่อเร็วๆนี้ ที่ศูนย์ประชุมวายุภักษ์ กรุงเทพฯ สำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่อง “การพัฒนาคุณภาพภายในสถานศึกษา” โดยมีวิทยากรทั้งในประเทศและต่างประเทศมาร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ โดยมีผู้อำนวยการและครูจากโรงเรียนขนาดกลางในเขตชนบทกว่า 100 คนเข้าร่วมจากทั่วประเทศ

ศ.นพ.วิจารณ์ นายกสภามหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวถึงแนวคิดการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาว่า กระบวนการพัฒนาคุณภาพการศึกษาว่า การพัฒนาคุณภาพการศึกษาที่ถูกต้อง ร้อยละ 90 เป็นการพัฒนาจากภายในห้องเรียน ส่วนกลไกประเมินและพัฒนาภายนอกเป็นเพียงตัวเสริม แต่ประเทศไทยใช้การประเมินภายนอก เพราะหลงที่การวัดผลสัมฤทธิ์

ศ.นพ.วิจารณ์ กล่าวถึงประเทศญี่ปุ่นเมื่อ 30 ปีที่สามารถตีตลาดทั่วโลกได้ เพราะใช้มาตรฐานการตรวจประเมินภายในเป็นตัวนำ ปัจจุบันรมว.ศธ.สิงคโปร์ยังออกมาประกาศแก้ทัศนคติพ่อแม่บ้าเกรด และความเก่งของผู้เรียนว่า ไม่ใช่เป้าหมายของคนสิงคโปร์อีกต่อไป แต่สิงคโปร์ต้องการพลเมืองที่มีคุณลักษณะที่ดี ฉะนั้น การพัฒนาครูจึงต้องเปลี่ยนจากการอบรมที่พรากครูจากห้องเรียน และทำให้เกิดอาชีพ “รับจ้างอบรม” เป็นการสร้างชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพที่เน้นการวิจัยและพัฒนาร่วมกันระหว่างครูและผู้อำนวยการรร.โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้ต่อเนื่อง

ด้านนายพะโยม ชิณวงศ์ รองเลขาธิการ กพฐ. ได้กล่าวถึงการพัฒนาภายในว่า ปัจจุบันสพฐ.มีโรงเรียนจำนวน 30,816 โรง มีความแตกต่างทั้งบริบทและคุณภาพจึงพยายามทำโรงเรียนที่มีคุณภาพที่อยู่ในกลุ่มรร.มาตรฐานสากล จำนวน 700 กว่าโรงเป็นต้นแบบให้รร.อื่นๆ และเป็นแนวทางให้ผู้ตรวจประเมิน ประเมินความก้าวหน้าว่าเป็นรูปแบบวิธีที่ถูกต้องหรือไม่ ส่วนจะพัฒนารร.อย่างไรนั้น ต้องคำนึงถึงบริบทและเป้าหมายของผู้เรียนให้เหมาะสมในแต่ละพื้นที่ ล่าสุดเราใช้รร.ประชารัฐเป็นต้นแบบปฏิรูปการศึกษาเชิงพื้นที่ซึ่งมีแนวคิดตามที่สสค.ลงไปจุดประกายให้คนในจังหวัดเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา หากปล่อยให้รัฐดำเนินการเพียงอย่างเดียวก็จะเกิดข้อจำกัด

สำหรับการยกระดับคุณภาพของโรงเรียน ในวงเสวนาได้หยิบยกกรณีศึกษาจากประเทศที่ประสบผลสำเร็จ เพื่อเป็นตัวอย่างการประยุกต์ใช้ในประเทศไทย เริ่มจากตัวอย่างการพัฒนาเครือข่ายโรงเรียนนานาชาติสายก้าวหน้าที่สุดในโลก

จูเลียน ไวท์ลีย์ หัวหน้าผู้บริหารโรงเรียนนานาชาติ ภูเก็ตอคาเดมี เล่าถึงจุดเด่นของโรงเรียนนานาชาติที่มีเครือข่ายหลากหลายใน 56 ประเทศว่า วิธีคิดคือจะทำอย่างไรให้สามารถควบคุมคุณภาพเครือข่ายโรงเรียนเหล่านั้นได้ โดยเขาได้นำเสนอระบบประกันคุณภาพใน 3 ระบบที่รร.นานาชาติภูเก็ต อคาเดมีใช้ ได้แก่

1) การตรวจเยี่ยมของหลักสูตรของอังกฤษในต่างประเทศ (British Schools Overseas: BSO) เพื่อช่วยให้รร.สามารถพัฒนา ปรับปรุงคุณภาพ สร้างให้ผู้ปกครองและสาธารณชนเกิดความเชื่อถือในมาตรฐาน เน้นการใช้แบบสอบถาม การประเมินตนเอง การสร้างมาตรฐานและตัวชี้วัดร่วม การตรวจเยี่ยมและการเผยแพร่รายงานสู่สาธารณะ

2) ระบบรับรองมาตรฐานการศึกษาของสภารับรองมาตรฐานการศึกษาในโรงเรียนนานาชาติ (Council of International Schools Accreditation: CIS) เพื่อเปิดโอกาสให้มีการพัฒนาคุณภาพผ่านกระบวนการตรวจสอบตนเองอย่างเข้มงวด และการประเมินจากภายนอก

และ 3) การวัดประเมินการเรียนรู้เพื่อเปลี่ยนแปลงตนเอง (Learning Architecture, Learning Culture, Learning Ecology: ACE) เป็นวิธีการประเมินในอนาคตที่เน้นการเปลี่ยนถ่ายการเรียนรู้ และให้ค่าการประเมินในหลายมิติ เช่น ความพยายามในการสอนของครู หรือความพยายามในการเรียนของผู้เรียน มากกว่าการดูเพียงคะแนน

นอกจากนี้ยังฉายให้เห็นระบบการทำงานและกระบวนการพัฒนาว่า มีรูปแบบอย่างไรและใครต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการประเมิน

“ไม่ว่าจะเป็นการประเมินภายในด้วยวิธีใด สิ่งสำคัญคือต้องเริ่มจากการพัฒนาร่วมกันด้วยความสมัครใจ หากคิดเรื่องการพัฒนารร.ต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน ซึ่งแต่ละรร.ไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน แต่สุดท้ายต้องนำการประเมินที่ได้สู่การใช้ประโยชน์เพื่อการสนับสนุนการทำงาน”

ด้าน จิมมี่ ทัน นักการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการประเทศสิงคโปร์ จากมุมมองผู้อำนวยการโรงเรียน สะท้อนว่า สิงคโปร์ใช้ระบบ 4P ประกอบด้วย 1) การสร้างจุดมุ่งหมายร่วม (propose) ของรร. กระทรวงศึกษาธิการ พ่อแม่ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย 2) คน (people) การสร้างความร่วมมือจากทุกภาคส่วนให้รับผิดชอบตามบทบาทเพื่อนำสู่เป้าหมายและความคาดหวังร่วมกัน 3) กระบวนการ (process) สะท้อนถึงการตรวจสอบ และยืนยันความถูกต้อง และ 4) ผลิตผล (product) เน้นการรายงาน แผนการพัฒนารร.และการติดตาม ซึ่งต้องอาศัยการขับเคลื่อนจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะมุมมองจากคนภายนอกระบบการศึกษาบนฐานข้อมูลจริง สิ่งสำคัญคือต้องชี้ชัดว่าเป้าหมายร่วมกันจากทุกฝ่ายคืออะไร เพื่อนำไปสู่การวางแผนและต้องส่งผลต่อนักเรียน องค์กรภายนอกจะมีหน้าที่เพียงยืนยันกับสิ่งที่รร.คิดว่าใช่หรือไม่ แต่ครูคือหัวใจในการเคลื่อนสู่เป้าหมาย

“คนไทยมักสนใจเฉพาะกระบวนการและผลลัพธ์ แต่สิงคโปร์ให้ความสำคัญกับคนและเป้าหมาย เพราะไม่เช่นนั้นการดำเนินงานอาจผิดเพี้ยน ในส่วนรางวัลและคำขู่จากหน่วยเหนือนั้น ไม่ว่าจะเป็นบวกหรือลบต้องไม่ทำให้ผู้บริหารหรือครูหลุดจากหน้าที่หลักคือการจัดการเรียนการสอน”

สำหรับประเทศไทยได้มีมุมมองจากธนาคารโลก โดย ดร.ดิลกะ ลัทธพิพัฒน์ นักเศรษฐศาสตร์ด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์จากธนาคารโลก นำเสนอมิติความเหลื่อมล้ำในการจัดสรรทรัพยากรทางการศึกษาและแนวทางแก้ไขพบว่า ปัญหาของประเทศไทยไม่ใช่ทรัพยากรไม่เพียงพอ แต่ยังขาดประสิทธิภาพในการจัดการ ทำให้ไทยประสบปัญหาความเหลื่อมล้ำในการจัดสรรทรัพยากรระหว่างโรงเรียนในชนบทและในเขตเมืองและผลสัมฤทธิ์ตกต่ำ เวียดนามซึ่งเคยประสบปัญหาเดียวกันจึงใช้ “ระบบการจัดเก็บข้อมูลโรงเรียน” เพื่อสร้างเป็นเกณฑ์มาตรฐานขั้นต่ำด้านทรัพยากรทางการศึกษา ควบคู่กับการสร้างระบบตรวจสอบว่าโรงเรียนปรับปรุงคุณภาพเพียงใด และมีการเปิดเผยข้อมูลสู่สาธารณะ ในปี 2005

“เราต้องใช้ครูเพิ่มขึ้นถึง 108,000 คนเพื่อจัดสรรให้ได้ครบทุกห้องเรียน ดังนั้นต้องสร้างรูปแบบ “การจัดเครือข่ายโรงเรียนใหม่” เนื่องจาก 85% ของโรงเรียนขนาดเล็ก หรือจำนวน 19,864 แห่ง ที่มีนักเรียนต่ำกว่า 20 คนต่อชั้นเรียน ตั้งอยู่ในระยะการเดินทางไม่เกิน 20 นาทีจากโรงเรียนอื่นและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากจำนวนประชากรการเกิดที่ลดลง อย่างไรก็ตามยังมีโรงเรียนขนาดเล็กที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลและมีความจำเป็นเพื่อจำนวน 2,921 แห่ง จุดจัดการที่สำคัญคือการพัฒนาโรงเรียนขนาดกลาง 4,514 แห่ง และโรงเรียนขนาดเล็กที่ไม่ห่างไกลอีกจำนวน 3,124 แห่ง เป็นโรงเรียนที่มีคุณภาพ ซึ่งจะกระทบผู้เรียนถึง 1.59 ล้านคน โดยการพัฒนาให้เป็นโรงเรียนศูนย์กลางที่มีคุณภาพ มีการจัดสรรทรัพยากรและครูให้เพียงพอ และการจัดสรรเงินอุดหนุนเพิ่มเติมสำหรับค่าเดินทาง รถรับส่ง หรือการสอนพิเศษเพิ่มเติมแก่นักเรียนที่มาจากต่างโรงเรียน พร้อมกับมีการวางแผนติดตามประเมินผลในระยะยาว

ทั้งนี้การยกระดับคุณภาพสถานศึกษาไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใด หัวใจสำคัญในการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาที่เหมือนกันทั่วโลกคือ “ต้องเริ่มจากความร่วมมือของคนภายในโรงเรียน” โดยแบ่งบทบาทที่ชัดเจนหากมีผู้ช่วยจากภายนอกเข้ามาพัฒนาร่วมกัน ผู้บริหารจึงเป็นผู้ที่มีบทบาทและความสำคัญมากต่อการพลิกโฉมให้เกิดขึ้นจริงในโรงเรียน 

 

ที่มา สำนักข่าวอิศรา วันที่ 13 พฤษภาคม 2559

ชุดไทยจิตรลดา โทนสีดำ ตัดเย็บจากผ้าไหมแพรทิพย์ งานละเอียดปราณีต แพทเทิร์นเข้ารูป สวยหรู ทันสมัย #ภาพถ่ายจากสินค้าจริง

฿1,790

https://s.shopee.co.th/8ANnSpUT4P?share_channel_code=6


ศ.นพ.วิจารณ์ ชี้สิงคโปร์ประกาศแล้ว แก้ทัศนคติพ่อแม่เลิกบ้าเกรด เน้นความเก่งของผู้เรียนศ.นพ.วิจารณ์ชี้สิงคโปร์ประกาศแล้วแก้ทัศนคติพ่อแม่เลิกบ้าเกรดเน้นความเก่งของผู้เรียน

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

:: เรื่องปักหมุด ::

ด่วนที่สุด! การย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ประจำปี พ.ศ.2569

ด่วนที่สุด! การย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ประจำปี พ.ศ.2569

เปิดอ่าน 15,777 ☕ 26 ธ.ค. 2568

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
สพฐ.กำชับเรื่องการนำนักเรียนมาทำคอนเทนต์ทางออนไลน์
สพฐ.กำชับเรื่องการนำนักเรียนมาทำคอนเทนต์ทางออนไลน์
เปิดอ่าน 1,665 ☕ 29 ธ.ค. 2568

สพฐ. ออกหนังสือด่วนที่สุด! กำชับมาตรการความปลอดภัยช่วงปีใหม่ เน้นย้ำวินัยจราจร-เฝ้าระวังเด็กจมน้ำ พร้อมเปิดโรงเรียนให้บริการห้องสุขาแก่ประชาชน
สพฐ. ออกหนังสือด่วนที่สุด! กำชับมาตรการความปลอดภัยช่วงปีใหม่ เน้นย้ำวินัยจราจร-เฝ้าระวังเด็กจมน้ำ พร้อมเปิดโรงเรียนให้บริการห้องสุขาแก่ประชาชน
เปิดอ่าน 510 ☕ 29 ธ.ค. 2568

ด่วนที่สุด! การย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ประจำปี พ.ศ.2569
ด่วนที่สุด! การย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ประจำปี พ.ศ.2569
เปิดอ่าน 15,777 ☕ 26 ธ.ค. 2568

ก.ค.ศ. อนุมัติให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษามีและเลื่อนเป็นวิทยฐานะเชี่ยวชาญ จำนวน 9 ราย (17 ธันวาคม 2568)
ก.ค.ศ. อนุมัติให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษามีและเลื่อนเป็นวิทยฐานะเชี่ยวชาญ จำนวน 9 ราย (17 ธันวาคม 2568)
เปิดอ่าน 17,349 ☕ 26 ธ.ค. 2568

"ศ.ดร.นฤมล" มอบคุรุสภา-อว.หาสาเหตุการทดสอบและประเมินสมรรถะทางวิชาชีพครูฯหลังพบผลสอบผ่านเพียง 14% สอบตก 85%
"ศ.ดร.นฤมล" มอบคุรุสภา-อว.หาสาเหตุการทดสอบและประเมินสมรรถะทางวิชาชีพครูฯหลังพบผลสอบผ่านเพียง 14% สอบตก 85%
เปิดอ่าน 1,531 ☕ 26 ธ.ค. 2568

ก.ค.ศ.เปิดทางครูใช้รางวัลระดับชาติ-นานาชาติ ขอเลื่อนวิทยฐานะเชี่ยวชาญ เชี่ยวชาญพิเศษได้
ก.ค.ศ.เปิดทางครูใช้รางวัลระดับชาติ-นานาชาติ ขอเลื่อนวิทยฐานะเชี่ยวชาญ เชี่ยวชาญพิเศษได้
เปิดอ่าน 923 ☕ 26 ธ.ค. 2568

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

แนะนำอาหารสำหรับผู้ป่วยลองโควิด (Long COVID)
แนะนำอาหารสำหรับผู้ป่วยลองโควิด (Long COVID)
เปิดอ่าน 4,919 ครั้ง

15 หลักฮวงจุ้ยในที่ทำงานสำหรับสาวมิลเลเนียม
15 หลักฮวงจุ้ยในที่ทำงานสำหรับสาวมิลเลเนียม
เปิดอ่าน 14,078 ครั้ง

ทบทวนระบบการประกันคุณภาพ การศึกษาของไทยเดี๋ยวนี้... ฤๅว่าจะสายเกินไป
ทบทวนระบบการประกันคุณภาพ การศึกษาของไทยเดี๋ยวนี้... ฤๅว่าจะสายเกินไป
เปิดอ่าน 12,127 ครั้ง

วันข้าราชการพลเรือน 1 เมษายน
วันข้าราชการพลเรือน 1 เมษายน
เปิดอ่าน 17,002 ครั้ง

แนวทางการส่งเสริมพัฒนาการเด็กวัย3 - 6 ปี สำหรับพ่อแม่ ผู้ปกครอง
แนวทางการส่งเสริมพัฒนาการเด็กวัย3 - 6 ปี สำหรับพ่อแม่ ผู้ปกครอง
เปิดอ่าน 14,451 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ