เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) เมื่อเร็วๆ นี้ ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาแก้ไขปัญหาการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ในช่วงรอยต่อและเพื่อให้คณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) สามารถดำเนินการบริหารงานบุคคลได้อย่างต่อเนื่อง และเรียกใช้บัญชีผู้สอบแข่งขัน ครูผู้ช่วยได้ที่ขึ้นบัญชีไว้ ข้ามเขตพื้นที่การศึกษาได้
โดยมีมติให้รวมบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ เป็นบัญชีรวมของ กศจ.อีกบัญชีหนึ่ง นอกเหนือจากบัญชีเดิมของเขตพื้นที่ฯ พร้อมขยายระยะเวลาการย้าย จากกำหนดเดิมต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนเมษายน เป็นให้แล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายน 2559 และมอบให้สำนักงาน ก.ค.ศ.ไปหารือกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ในการจัดทำปฏิทินการสอบ การสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย สังกัด สพฐ. ครั้งที่ 1/2559 ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
ด้านนายพินิจศักดิ์ สุวรรณรังค์ เลขาธิการ ก.ค.ศ.กล่าวว่า ในการขึ้นบัญชีผู้สอบแข่งขันได้เป็นบัญชีของ กศจ. แต่ละจังหวัดนั้น สำนักงาน ก.ค.ศ.จะไปออกคำสั่งและแนวปฏิบัติ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการ นำรายชื่อผู้สอบแข่งขันได้ในบัญชีหนึ่ง ไปขึ้นบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ในบัญชีอื่น ตำแหน่งครูผู้ช่วย สพฐ. โดยจะแจ้ง กศจ.ทุกจังหวัดว่า ขณะนี้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ใดมีบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ ที่อดีตคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.) เขตพื้นที่ฯได้ขึ้นบัญชีไว้ ให้ดำเนินการใช้บัญชี ไปตามอายุของบัญชีที่แต่ละเขตพื้นที่ฯกำหนดไว้ และถ้าในแต่ละจังหวัดมีบัญชีของอดีต อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯหลายบัญชี ในกลุ่มวิชาหรือสาขาหรือวิชาเอกเดียวกัน ให้ กศจ.ดำเนินการจัดทำเป็นบัญชีรวมของ กศจ. โดยแยกตามสาขาหรือวิชาเอก
"การรวมบัญชี เป็นบัญชีของ กศจ.ครั้งนี้ จะอยู่ในกลุ่มผู้ที่สอบแข่งขันได้ขึ้นบัญชี ในปี 2558 โดยการดำเนินการจัดทำบัญชีของ กศจ.นั้น ให้ กศจ.แจ้งผู้ที่ขึ้นบัญชีภายในจังหวัดตัวเอง ว่า ถ้าประสงค์จะมาอยู่ในบัญชีรวมของจังหวัด ให้มาเข้ารับการประเมิน โดยการสอบสาขาหรือวิชาเอกเพื่อจัดลำดับที่ใหม่ ในตำแหน่งบัญชีของ กศจ. ส่วนบัญชีของเขตพื้นที่ฯก็ยังคงอยู่ในลำดับที่ตามเดิม ซึ่งเท่ากับว่าผู้ที่ขึ้นบัญชีไว้ จะมีชื่ออยู่ใน 2 บัญชี คือบัญชีเดิมของเขตพื้นที่ฯ และบัญชีรวมของ กศจ. โดยมีอายุการขึ้นบัญชีเท่ากับบัญชีเดิมของแต่ละคน ส่วนการเรียกบรรจุ ถ้าเขตพื้นที่ฯที่มีบัญชีของตัวเองก็ใช้บัญชีเขตเรียก แต่ถ้าเขตพื้นที่ฯใดไม่มีบัญชีของตัวเอง ให้ใช้บัญชีของ กศจ.ในการเรียกบรรจุ" นายพินิจศักดิ์กล่าว
นสพ.มติชนรายวัน
ที่มา ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ วันที่ 13 พฤษภาคม 2559