สกสค.จี้ออมสินชี้แจงกรณีหักเงินสนับสนุนพิเศษฯ ช.พ.ค.ชำระหนี้แทนผู้กู้ค้างชำระกว่า 6 พันล้าน เผยถือว่าแบงก์ทำผิดข้อตกลง
นายพินิจศักดิ์ สุวรรณรังค์ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (เลขาฯ สกสค.) กล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ที่ประชุมคณะกรรมการการฌาปณกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) ได้มีมติเห็นชอบตามการดำเนินการโครงการลดภาระหนี้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตามข้อเสนอของธนาคารออมสินที่ใช้เงิน ช.พ.ค.ที่ทายาทจะได้รับในอนาคตเมื่อสมาชิกเสียชีวิตมาค้ำประกันในการอนุมัติวงเงินสินเชื่อใหม่เพิ่มเติมให้แก่ผู้กู้ที่เป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา หรือรีไฟแนนซ์หนี้ และนำร่องในกลุ่มผู้กู้ที่มีวินัยทางการเงินที่ดีก่อน ซึ่งตนได้ยื่นข้อเสนอให้ทางธนาคารออมสินไปแล้วว่า การดำเนินการโครงการลดภาระหนี้ครูจะทำเป็นระยะ
เริ่มจากกลุ่มแรกคือกลุ่มผู้กู้เงิน ช.พ.ค.ที่มีวินัยทางการเงินที่ดี ไม่เคยค้างชำระค่างวดเงินกู้ หรือเคยค้าง แต่ชำระหมดแล้ว เพื่อให้กำลังใจผู้ที่มีวินัยทางการเงิน ซึ่งจะเห็นภาพการลดภาระหนี้ได้ชัดเจน เนื่องจากมีการลดภาระดอกเบี้ย จากร้อยละ 6.5 เป็นร้อยละ 4 ถัดไปจะเป็นระยะที่ 2 คือกลุ่มผู้กู้ ช.พ.ค.ที่ผิดนัดชำระบ้าง แต่ผิดนัดชำระไม่มาก และกลุ่มที่ผิดนัดชำระ 3 งวดขึ้นไป ทั้งนี้ทางธนาคารออมสินแจ้งว่ามีผู้กู้ที่อายุไม่ต่ำกว่า 50 ปีที่มีคุณสมบัติเข้าร่วมโครงการได้ประมาณ 280,000 คน เฉลี่ยยอดหนี้ประมาณรายละ 1 ล้านบาท แต่ยังไม่มีการจำแนกว่าจะมีผู้เข้าร่วมโครงการในระยะแรกได้เท่าไร
เลขาฯ ก.ค.ศ.กล่าวอีว่า ส่วนกรณีที่ สกสค.เคยมีหนังสือสอบถามธนาคารออมสินเพื่อขอทราบรายละเอียดการดำเนินงานติดตามทวงเงินกรณีการผิดนัดชำระค่างวด ซึ่งในเงื่อนไขและข้อตกลงจะมีการระบุว่า กรณีผู้กู้ผิดนัดชำระงวดที่ 1-3 ธนาคารออมสินและ สกสค.ต้องทำอะไรบ้าง เช่น ค้างงวดที่ 1 ธนาคารออมสินต้องมีหนังสือทวงถามไปยังผู้กู้ งวดที่ 2 นอกจากแจ้งผู้กู้แล้ว ต้องแจ้งผู้ค้ำประกันให้รับทราบด้วย เพราะถ้ามีหนังสือทวงถามตามนี้ เชื่อว่าการผิดนัดงวดที่ 3 น่าจะน้อย แต่ทางธนาคารออมสินก็ยังไม่ได้ส่งหลักฐานการดำเนินงานดังกล่าวตอบกลับมาที่ สกสค. ซึ่งยังไม่แน่ใจว่าทั้งสองฝ่ายได้ปฏิบัติตามข้อตกลงอย่างไร ทั้งนี้ถ้าพบว่าธนาคารออมสินไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขและข้อตกลงดังกล่าว สกสค.จะเสนอคณะกรรมการ สกสค.ให้พิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรกับเงินที่ทางธนาคารได้หักเงินจากกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษโครงการ ช.พ.ค. เพื่อชำระแทนผู้ที่ค้างชำระติดต่อกัน 3 งวดไปแล้ว เพราะมีคำถามว่า เมื่อธนาคารออมสินไม่ทำตามข้อตกลงแล้วไปหักเงินจากกองทุนเงินสนับสนุนฯ เลย เหมาะสมหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาหักเงินไปแล้วถึง 6,000 กว่าล้านบาท.
ที่มา ไทยโพสต์ วันที่ 11 พฤษภาคม 2559