รองอธิการบดี ม.รังสิต เผยตอนนี้พบผู้กระทำผิด 6 คนแล้ว ตกใจหนึ่งในนั้นเป็นศิษย์เก่าที่ฝันอยากเรียนหมอ มั่นใจมีสถาบันกวดวิชามากกว่า 1 แห่งพัวพัน ยืนยันไม่เปลี่ยนปฏิทินสอบใหม่ “ดาว์พงษ์"สั่ง สกอ.ดูกฏหมายเอาผิดพวกโกงสอบ
วันนี้( 10 พ.ค.) ผศ.ดร.นเรฎฐ์ พันธราธร รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ ม.รังสิต กล่าวว่า จากการตรวจสอบขณะนี้พบว่า มีผู้ที่กระทำความผิดทั้งหมด 6 ราย เป็นผู้สมัครสอบหญิง 3 ราย และ ผู้รับจ้างสอบชาย 3 ราย ซึ่งหนึ่งในผู้สมัครที่เป็นหญิงนั้น เป็นอดีตนักศึกษาของ ม.รังสิต ที่จบการศึกษาไปแล้วในคณะอื่น แต่มีความใฝ่ฝันอยากเรียนคณะแพทย์ นอกจากนี้ยังพบข้อมูลใหม่ว่า มีสถาบันกวดวิชาเข้ามาพัวพันกับการทุจริตสอบครั้งนี้มากกว่า 1 แห่ง เนื่องจากผู้สมัครกับผู้รับจ้างสอบบอกชื่อสถาบันกวดวิชาไม่ตรงกัน โดยขณะนี้ตนกำลังเรียกดูหลักฐานจากกล้องวงจรปิดอยู่ว่า วันสอบมีใครที่มีพิรุธและมีพฤติกรรมน่าสงสัย ซึ่งเชื่อว่าจะจับตัวได้อย่างแน่นอน สำหรับกรณีคนที่รับจ้างสอบซึ่งเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฎนั้น ม.รังสิตไม่มีอำนาจไปลงโทษหรือเอาผิดได้ แต่จะทำหนังสือแจ้งไปยังมหาวิทยาลัยต้นสังกัดให้รับทราบและดำเนินการต่อไป
“สำหรับการจัดสอบคัดเลือกครั้งใหม่นั้น ม.รังสิต ให้ยึดวันสอบคัดเลือกตามเดิม คือ วันที่ 31 พ.ค.2559 และ วันที่ 1 มิ.ย.2559 เนื่องจากถ้าเลื่อนสอบออกไปอีกอาจทำให้ผู้ปกครองและนักเรียนที่อยู่ต่างจังหวัด ซึ่งได้จองตั๋วเครื่องบิน หรือวางแผนการเดินทาง รวมถึงที่พักไว้แล้วต้องได้รับผลกระทบ “ผศ.ดร.นเรฎฐ์กล่าว
เวลา 15.30น. พ.ต.ท.ต่อศักดิ์ ปานกลิ่นพุฒ สว.2 กก.บก.ป. กล่าวภายหลังเข้าพบ ผศ.ดร.นเรฎฐ์ ว่า ตนได้รายละเอียดและหลักฐานที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีอย่างมาก และจะประสานไปยัง สภ.ปากคลองรังสิต เพื่อร่วมกันทำงานด้วย ทั้งนี้ยืนยันว่ากองปราบปรามจะล้างขบวนการทุจริตครั้งนี้ให้ได้ เพราะเชื่อว่าการทุจริตการสอบไม่ได้มีแค่การสอบของคณะแพทย์ ม.รังสิต ที่เดียว ซึ่งผู้บังคับบัญชาของตนให้ความสำคัญกับคดีนี้เป็นอย่างมากและต้องการเอาผิดให้ถึงที่สุด เพราะกระทบกับประชาชนและสังคม
ด้าน พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า ตนทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว และให้สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา(สกอ.)ไปดูว่า จะดำเนินการตามกฎหมายได้หรือไม่ ส่วนกรณีที่มีการระบุว่ามีนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร 3 คนรับจ้างโดยใส่กล้องแว่นตาเข้าไปถ่ายภาพข้อสอบออกมานั้น ถ้าเป็นจริงเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ส่วนมหาวิทยาลัยต้นสังกัดที่คงไม่ปล่อยไว้ อย่างไรก็ตามขอให้มหาวิทยาลัยช่วยดูแลนักศึกษา โดยเฉพาะกลุ่มที่เรียนเป็นเวลานาน ซึ่งอาจจะแฝงตัวเข้ามาในคราบนักศึกษาเพื่อไปทำกิจกรรมที่ไม่ถูกต้องได้
ที่มา เดลินิวส์ วันที่ 10 พฤษภาคม 2559