จับตาสพฐ.ปูพรมพีอาร์ฝ่าแนวต้านม.44ปฏิรูปการศึกษา : ชมรมนักประชาสัมพันธ์การศึกษาขั้นพื้นฐาน เรื่อง/ภาพ
การหักดิบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ต่อกรณียกเครื่องการศึกษาไทยครั้งประวัติศาสตร์ในบรรยากาศมูฟเมนต์ตามคำสั่งคสช.ที่ 10-11/2559 เมื่อ 22 มีนาคม 2559 น่าจะเป็น “การปฏิรูปการศึกษา” ที่คสช.จี้โดน “ของแข็ง” หรือ “ของร้อน” ที่เสมือนจุดคีมึ้งของกระบวนการบริหารงานบุคคลที่ใหญ่โตคับฟ้า เมื่อคสช.ใช้มาตรา 44 ฟันฉับทะลุทะลวงจึงส่งผลกระเพื่อมแรงจนกระทั่งเขย่าไปทั้งองคาพยพของกระบวนการจัดการศึกษาชาติ ตามสไตล์รัฏฐาธิปัตย์ที่ “เร็ว แรง ชัดเจน”
ความจริงแล้วเรื่องของ “องค์คณะบุคคล” กับ “ธรรมาภิบาล” ถูกจับยกขึ้นมาวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นต้นเหตุหนึ่งของความล้มเหลวในการบริหารจัดการศึกษาไทย “แบบหยิกเล็บเจ็บเนื้อ” มานานแล้ว โดยต้นทางส่วนหนึ่งมีรากเหง้ามาจาก “ผลประโยชน์ ทุจริต ประพฤติมิชอบ พวกมากลากไป” แม้คำสั่งคสช.จะเป็นเสมือนปฏิบัติการ “เหมาเข่ง” แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า “โดนใจคอนักปฏิรูป” เพราะเป็นเรื่องเดียวของการปฏิรูปการศึกษาที่การเมืองนักเลือกตั้งไทยไม่กล้าแตะมาทุกรัฐบาล
แน่นอน...ที่เมื่อเป็นเรื่อง “อำนาจ-บารมีและผลประโยชน์” ถูกหักดิบ ปฏิกิริยาสวนกระแสก็ย่อมมีก่อตัวทั้งแบบ “ซุ่ม” ผ่านแอพพลิเคชั่นบ้าง แบบ “เปิดหน้าท้าชน” โดยนักวิชาการบ้าง คอลัมนิสต์นามแฝงบ้าง เพียงจั่วหัว “ยุบเขต ลดตำแหน่งครู ทอนคืนวิทยฐานะ” แค่ไม่กี่เรื่องนี้ แม้คนระดับ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ขึ้นเวทีออกวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ สร้างความเข้าใจ อรรถาธิบายยาวเหยียดอย่างไรก็ยังไม่สามารถคลี่ปมคลายข้อคับข้องใจได้
ล่าสุด สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) โดยสำนักพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาขั้นพื้นฐาน สพฐ. ได้ร่วมกับสมาคมรองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (ประเทศไทย) ต้องทำความเข้าใจกับรองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ทั้งประถมศึกษาและมัธยมศึกษาทั่วประเทศ 225 สพท. รวมทั้งสิ้น 1,188 คน และ 29 องค์กรเครือข่ายครู ชมรม สมาคม สมาพันธ์ ในเรื่อง “การประชาสัมพันธ์การขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการในภูมิภาค” ระหว่างวันที่ 21-22 เมษายน 2559 ณ โรงแรมเซ็นทรา ศูนย์ราชการและคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ กรุงเทพมหานคร
นายการุณ สกุลประดิษฐ์ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(เลขาธิการ กพฐ.)ขึ้นเวทีพบปะกองทัพรองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ทั้งจากประถมศึกษาและมัธยมศึกษา ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มก้อนผู้บริหารการศึกษาที่มีจำนวนมากที่สุดในระดับภูมิภาค
“ต้องช่วยกันทำความเข้าใจกับครู ผู้บริหารโรงเรียนว่า วันนี้เพิ่งมีศึกษาธิการจังหวัด(กศจ.) ยังไม่ทันเริ่มต้นทำงานก็มีการวิพากษ์วิจารณ์ออกมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องยุบเขตพื้นที่การศึกษา เรื่องปรับลดวิทยฐานะครู เรื่องอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัด(ผวจ.) เรื่องการทำงานล่าช้ามากขั้นตอน เรื่องสิ้นเปลืองงบประมาณ ผมขอบอกว่า คนวิพากษ์เช่นนี้รู้ไม่จริง โกหกและเอามันพันกันไปหมด เหมือนโฆษณาชวนเชื่อทำให้คนที่ไม่รู้ข้อเท็จจริงเสียขวัญหมดกำลังใจ"
เลขาธิการกพฐ. แจกแจงอีกว่า ข้อเท็จจริงแล้ววิชาชีพครูจะได้รับประโยชน์สูงสุดจากมาตรา 44 นี้ เช่น ครูไม่ต้องกู้หนี้ยืมสินมาใช้จ่ายในการวิ่งเต้นโยกย้าย ครูดีครูเก่งตามพื้นที่รอบนอกก็มีโอกาสเข้าสู่ตัวเมือง ข้ามเขตไปมาได้ ส่วนที่บอกว่า ประธานกศจ.เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดนั้นเสมือนฝันร้าย ก็อยากให้เข้าใจว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดในยุคปัจจุบันเขาก็ต้องการให้ท้องถิ่นของเขามีการพัฒนา มีความเจริญ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคมตลอดจนการบังคับใช้กฎหมายต่างๆ การขับเคลื่อนเรื่องไม่ดีในยุคที่กระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.)และกระทรวงมหาดไทย(มท.)จับมือกันอย่างนี้ไม่มีใครกล้า คนชั่ว คนไม่ดีอยู่ไม่ได้แน่นอน การยุบเขตนั้นเหมือนจะมีคนคอยกระทุ้งตลอดเวลา รัฐมนตรีพูดแล้วก็ยังไม่เชื่อ
“ปัจจุบันทุกเขตพื้นที่การศึกษายังคงปฏิบัติหน้าที่เหมือนเดิม หน่วยงานทั้งระดับภาคและจังหวัดที่เพิ่มขึ้นนั้นก็เป็นเพียงองค์คณะบุคคล ไม่มีโครงสร้างอาคาร การกระทำผิดทุจริตมิชอบใดๆ ตามคำสั่งคสช. ผิดนิดเดียวมีโทษทันที” การุณ กล่าว
นับเป็นอีกก้าวหนึ่งของการขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการตามคำสั่งของคสช. ที่มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ซึ่งก็ถือเป็นมิติที่ท้าทายสำหรับรัฏฐาธิปัตย์ในยุคไล่ล่าประสิทธิภาพและคุณภาพการจัดการศึกษาไทยที่คสช.พุ่งเป้าไปที่ภูมิภาคและองค์คณะบุคคลเป็นหลัก
ระยะเวลา 1 ปี 6 เดือนตามคำสั่งคสช.นี้ คงได้เห็นมรรคผลของแผนยุทธศาสตร์การศึกษาและแนวทางพัฒนาการศึกษาของแต่ละจังหวัด รวมไปถึงการบรรจุแต่งตั้ง การโยกย้ายและการลงโทษวินัย การยกย่องเชิดชูเกียรติที่เป็นธรรม ตรวจสอบได้ไม่อึกทึกครึกโครมด้วยข่าวคราวฉ้อฉล ประพฤติผิด ทุจริตคิดมิชอบเหมือนที่ผ่านมา
ทะลุทะลวงได้อย่างนี้ ควบคุมให้อยู่ ครูบาอาจารย์รู้และเข้าใจ บังเกิดขวัญกำลังใจที่จะอบรมสั่งสอนเด็กๆ สัญญาณการปฏิรูปการศึกษาไทยก็ไปโลดลิ่ว อย่างอื่นก็ไม่ต้องพูดถึง ....
ที่มา คมชัดลึก วันที่ 27 เมษายน 2559