“พินิจศักดิ” เผยออมสินไม่รับข้อเสนอ เพิ่มเติมเงื่อนไข กู้เงินช.พ.ค.รีไฟแนนซ์หนี้ ปฏิเสธ แบ่งเงินใช้หนี้กองทุนเงินสนับสนุนพิเศษฯ เล็งชงบอร์ดช.พ.ค.เดินหน้าโครงการฯ
วันนี้(27 เม.ย.) นายพินิจศักดิ์ สุวรรณรังค์ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.)ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา(สกสค.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ตนได้หารือกับผู้แทนจาก ธนาคารออมสิน เพื่อพิจารณาร่างบันทึกข้อตกลงโครงการลดภาระหนี้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ที่ธนาคารออมสินจะอนุมัติวงเงินสินเชื่อใหม่ เพิ่มเติมให้แก่ผู้กู้ที่เป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยใช้เงินฌาปณกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) ที่ทายาทจะได้รับในอนาคต เมื่อสมาชิกเสียชีวิต มาค้ำประกันวงเงินกู้ หรือรีไฟแนนซ์หนี้ ซึ่งสำนักงานสกสค.ได้เสนอขอเพิ่มเติมวัตถุประสงค์การชำระหนี้ 2 แนวทาง คือ 1.ให้รวมถึงจำนวนเงินที่ธนาคารออมสิน หักเงินจากกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษและส่งเสริมความมั่นคงตามโครงการสวัสดิการเงินกู้ช.พ.ค เพื่อชำระหนี้แทน ลูกหนี้ที่ค้างชำระเงินงวด หรือ 2. ที่ในร่างบันทึกข้อตกลงระบุว่า กรณีผู้กู้ถึงแก่กรรม สำนักงานสกสค.จะส่งเงินสงเคราะห์ครอบครัวช.พ.ค. ตามจำนวนเงินที่ผู้กู้มีหนี้ค้างชำระตามจำนวนที่ได้รับแจ้งจากธนาคาร แต่ไม่เกินที่ระบุไว้ในหนังสือยินยอม ให้แก้ไขเป็นกรณีผู้กู้ถึงแก่กรรม สำนักงาน สกสค.จะหักเงินสงเคราะห์ครอบครัว ที่ใช้เป็นหลักประกันสินเชื่อของธนาคาร เพื่อชดเงินกองทุนสนับสนุนฯ ที่ธนาคารหักชำระหนี้แทนผู้กู้ที่ค้างชำรະเงินงวด เนื่องจากทางสำนักงานสกสค.เห็นว่า วงเงินสินเชื่อดังกล่าว จึงต้องดูในภาพรวมทั้งระบบด้วย แต่ทางธนาคารได้ตอบมาเป็นลายลักษณ์อักษร ว่า ไม่อาจดำเนินการตามที่สำนักงานสกสค. เสนอได้ เพราะจะทำให้การแก้ไขปัญหาไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของโครงการฯ
นายพินิจศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า ข้อเสนอที่ให้เพิ่มเติมเพื่อเป็นการช่วยกันติดตามหนี้กลับคืนสู่กองทุนเงินสนับสนุนพิเศษฯ และสร้างวินัยทางการเงิน ให้แก่ครู โดยที่ผ่านมา มีครูที่ค้างชำระหนี้เกิน 3 งวดขึ้น และ ได้หักเงินจากกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษฯ เพื่อชำระหนี้แทนไปแล้ว ประมาณ 60,000 กว่าราย เป็นเงินรวมประมาณ 7,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตามเมื่อธนาคารออมสิน ไม่รับข้อเสนอดังกล่าว ตนก็จะแจ้งต่อพล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ และ รศ.นพ.กำจร ติติยกวี ปลัดศธ. รับทราบ และนำเรื่องเข้าพิจารณาในที่ประชุมคณะกรรมการ ช.พ.ค. ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคมนี้ เนื่องจากตามระเบียบสำนักงานสกสค. ว่าด้วยการฌาปณกิจสงเคราะห์ฯ ถือว่า การใช้เงินช.พ.ค. เป็นอำนาจและต้องเป็นมติของคณะกรรมการช.พ.ค. ซึ่งถือเป็นเด็ดขาด ผู้ใดจะอุทธรณ์หรือฟ้องร้องไม่ได้
“โครงการนี้ฯ มีวงเงินในการกู้ไม่เกิน 700,000 บาทต่อคน เพื่อนำเงินสินเชื่อใหม่มาลดภาระหนี้หรือปิดบัญชีหนี้ที่มีอยู่ปัจจุบันกับธนาคาร ด้วยคิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4 โดยผู้กู้จะไม่ได้รับเงินสด และไม่ต้องผ่อนชำระวงเงินสินเชื่อใหม่ตลอดอายุสัญญา ซึ่งทาธนาคารออมสิน แจ้งว่า มีผู้กู้ที่อายุไม่ต่ำกว่า 50 ปีที่มีคุณสมบัติเข้าร่วมโครงการได้ประมาณ 280,000 คน เฉลี่ยยอดหนี้ประมาณรายละ 1 ล้านบาท โดยที่ผ่านมาสำนักงานสกสค.ได้เสนอขอให้ปรับเพิ่มเงื่อนไขในร่างบันทึกข้อตกลง หลายเรื่อง รวมถึงการปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ที่เหลือหลังจากเข้าร่วมโครงการรีไฟแนนซ์ทั้งหมดเหลือ ร้อยละ 4 แต่ก็ไม่ได้ โดยทางธนาคารออมสิน ยืนยันว่า ยอดหนี้ที่เหลือผู้กู้ยังต้องเสียดอกเบี้ยในอัตราเดิม คือ ประมาณ ร้อยละ 6.5 “นายพินิจศักดิ์กล่าว
ที่มา เดลินิวส์ วันพุธที่ 27 เมษายน 2559 เวลา 15:28 น.