ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมข่าวการศึกษา  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

เหตุผล 10 ประการ ที่เสนอต่อ รมต.ศธ. เพื่อขอให้มหาวิทยาลัยกลับมาเปิด-ปิดเทอมตามแบบเดิม


ข่าวการศึกษา 20 เม.ย. 2559 เวลา 10:25 น. เปิดอ่าน : 7,969 ครั้ง
Advertisement


Advertisement

เหตุผล 10 ประการ ที่เสนอต่อ รมต.ศธ. เพื่อขอให้มหาวิทยาลัยกลับมาเปิด-ปิดเทอมตามแบบเดิม

สุพจน์ เอี้ยงกุญชร
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ประจำคณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร
มหาวิทยาลัยแม่โจ้


ตามที่ พลเอกดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้มีกำหนดให้คณะของ ปอมท. เข้าพบเพื่อรายงานผลการสำรวจความเห็นของบุคลากรในสถาบันอุดมศึกษา เรื่อง "การเปิด-ปิดเทอมมหาวิทยาลัยตามอาเซียน" ด้วยนั้น คณะทำงานได้เตรียมการชี้แจงเหตุผลประกอบ 10 ประการ ที่เป็นความเสียหายจากการเปิด-ปิดเทอมมหาวิทยาลัยตามอาเซียนในรอบเกือบ 2 ปีการศึกษาที่ผ่านมา ดังต่อไปนี้

1.เป็นการบั่นทอนคุณภาพการเรียนการสอนโดยตรง ประเด็นนี้นับว่ามีความสำคัญที่สุด เพราะเป็นผลเสียต่อภารกิจหลักประการแรกของมหาวิทยาลัย ซึ่งภารกิจนี้กำลังถูกบั่นทอนคุณภาพลงอย่างชัดเจนจากสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวยต่อกิจกรรมการเรียนการสอน โดยเฉพาะภาคเรียนที่สอง จากสภาพอากาศที่ร้อนจัดที่มีผล ทั้งต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิต ทำให้ไม่มีความพร้อมทั้งผู้เรียนและผู้สอน กิจกรรมเสริมการเรียนหลายกิจกรรมไม่สามารถปฏิบัติได้ อีกทั้งกิจกรรมการเกณฑ์ทหารและวันหยุดที่มีมากในช่วงเดือนเมษายน ล้วนเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการเรียนการสอนที่มีคุณภาพ รวมทั้งการเรียนรักษาดินแดน (รด.) ของนักศึกษาชั้นปีต่างๆ ในภาคเรียนที่หนึ่งด้วย แม้แต่การฝึกงานและการทำสหกิจศึกษาก็ล้วนแต่มีปัญหาแทบทั้งสิ้น

2.เป็นอุปสรรคต่อการส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมไทย ประเด็นนี้นับเป็นประเด็นสำคัญอีกประการหนึ่ง เพราะการส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมเป็นภารกิจสำคัญ 1 ใน 4 ของทุกมหาวิทยาลัย แต่การที่นักศึกษาต้องมาเรียนใน ช่วงเดือนเมษายน ทำให้นักศึกษาไม่อาจเข้าร่วมกิจกรรม ทางศาสนา ประเพณี และวัฒนธรรมไทย ที่มีมากมาย ในช่วงเวลาดังกล่าว มีทั้งวันพระใหญ่ วันปีใหม่ (ไทย) วัน ผู้สูงอายุ วันครอบครัว และวันเช็งเม้ง ฯลฯ ซึ่งการ ห่างเหินจากกิจกรรมเหล่านี้ตลอดช่วงเวลาที่เรียนในมหาวิทยาลัยนั้น ย่อมอาจทำให้บัณฑิตที่จบออกมาขาด จิตวิญญาณของความเป็นไทยไปได้ไม่มากก็น้อย หรือ อาจมากถึงขั้นลืมกำพืดตนเองก็เป็นได้ เพราะนักศึกษา อยู่ในวัยที่มีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงได้ง่ายและรวดเร็ว มาก

3.เป็นอุปสรรคต่อการสมัครงานของบัณฑิตจบใหม่ เนื่องจากเทอมที่สองเลื่อนมาคร่อมเวลาเกณฑ์ทหารและช่วงเวลาที่บริษัทเปิดรับสมัครงาน ทำให้บัณฑิตที่จบใหม่ไม่มีใบ สด.9 ที่จำเป็นต้องใช้ประกอบการสมัครงาน ซึ่งบัณฑิตจบใหม่จะต้องรอไปเกณฑ์ทหารในปีถัดไป หรือถ้านักศึกษาชั้นปีสุดท้ายไม่ขอผ่อนผันต่อ และเสี่ยงเข้ารับการเกณฑ์ทหาร

หากนักศึกษาถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารก็จะต้องพักการเรียนไปเป็นปี ซึ่งล้วนทำให้บัณฑิตจบใหม่เสียโอกาสในการหางานทำไปเป็นอันมาก

4.ขาดความเป็นเอกภาพในการจัดการศึกษาของชาติ (การศึกษาขั้นพื้นฐานกับอุดมศึกษา) เนื่องจากนักเรียนชั้น ม.6 จะจบ (การศึกษาขั้นพื้นฐาน) ตั้งแต่เดือนมีนาคม แต่มหาวิทยาลัย (อุดมศึกษา) จะเปิดเรียนเทอมแรกในเดือนสิงหาคม นักเรียนต้องว่างอยู่นาน 5-6 เดือน ซึ่งไม่เป็นผลดีทั้งต่อตัวนักเรียนและผู้ปกครองเพราะขาดความต่อเนื่องในการศึกษา นอกจากนี้การที่การจัดการเรียนการสอนไม่ตรงกันระหว่างการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กับอุดมศึกษา ทำให้การติดต่อประสานงานระหว่างกันเกิดความยุ่งยากอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน รวมทั้งการฝึกสอนของนักศึกษาด้านวิชาการศึกษาหรือครุศาสตร์ที่เกิดความยุ่งยากเป็นอย่างมาก

5.สวนทางกับนโยบายสำคัญของรัฐบาล 2 นโยบาย เรื่องนี้ไม่ควรเกิดขึ้นกับมหาวิทยาลัยเพราะเป็นหน่วยงานของรัฐบาลที่ควรสนับสนุนนโยบายรัฐบาล แต่มหาวิทยาลัยกลับทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม และจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป ทุกปี ดังนี้

5.1 นโยบายลดการใช้ไฟฟ้าในช่วงฤดูร้อน ใน ขณะที่รัฐบาลรณรงค์ให้ประชาชนลดการใช้ไฟฟ้า แต่การเรียนในช่วงฤดูร้อนของมหาวิทยาลัย กลับทำให้ปริมาณการใช้ไฟฟ้าของประเทศสูงขึ้นอย่างมากมายมหาศาล ทั้งนี้ดูได้จากสถิติการใช้ไฟฟ้าของประเทศในช่วงฤดูร้อนของปี พ.ศ.2558 ที่เกิดสถิติใหม่ขึ้นถึง 3 ครั้งซ้อน

5.2 นโยบายการประหยัดน้ำในช่วงฤดูแล้ง ในขณะที่รัฐบาลรณรงค์ให้ประชาชนประหยัดการใช้น้ำ ให้เกษตรกรงดทำนาปรังในช่วงฤดูแล้ง รวมทั้งออกมาตรการมารองรับอีกหลายมาตรการ แต่การเปิดเรียนของมหาวิทยาลัยในช่วงนี้ทำให้มีการใช้น้ำมากขึ้น ซึ่งเหมือนเป็นการซ้ำเติมสภาวะภัยแล้งให้รุนแรงยิ่งขึ้น

6.มีความเสี่ยงสูงสุดจากพายุหมุนเขตร้อน (ฝนตกน้ำท่วมในเดือนตุลาคม) จากเดิมที่เคยปิดเทอมย่อยใน ช่วงเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นเดือนที่มีสถิติพายุหมุนเขตร้อนเข้าถึงประเทศไทยได้มากที่สุด แต่กลับมาเปิดเทอม ในช่วงเดือนนี้ ทำให้มีความเสี่ยงสูงสุดที่จะต้องเผชิญ กับปัญหาฝนตกน้ำท่วมจากอิทธิพลของพายุดังกล่าว ซึ่ง จะมีผลกระทบถึงการเรียนการสอนด้วยอย่างแน่นอน

7.เกิดความไม่สอดคล้องกับช่วงเวลาการประเมินผลงานและการประกันคุณภาพ ทั้งการประเมินผลงานและการประเมินของระบบประกันคุณภาพเดิมจะครบรอบประเมินในเดือนกันยายน แต่เมื่อการเรียนในเทอมแรกคร่อมเลยไปอีกถึง 2 เดือน จึงเกิดการลักลั่นในการประเมินผลงานและความยุ่งยากในการดำเนินงานของระบบการประกันคุณภาพอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง

8.เกิดปัญหาการเบิกจ่ายงบประมาณที่ไม่สอดรับกับกิจกรรมการเรียนการสอน ทั้งนี้ เนื่องจากเดือนกันยายนเป็นช่วงปิดงบประมาณประจำปี แต่การเรียนการสอนของเทอมแรกยังไม่สิ้นสุด (คร่อมช่วงปิดงบประมาณถึง 2 เดือน)

การเบิกจ่ายเงินเพื่อใช้จ่ายในกิจกรรมการเรียนการสอนจึงติดขัด มีทั้งการเบิกจ่ายล่วงหน้าและการเบิกจ่ายย้อนหลัง หลายอย่างหลายรายการจำเป็นต้องเสี่ยงกระทำผิดวิธีการงบประมาณเพื่อให้กิจกรรมการเรียนการสอนดำเนินต่อไปได้

9.เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจจากการที่นักศึกษาจบช้าไป 2 เดือนอย่างต่อเนื่องตลอดไป การที่นักศึกษาต้องจบช้าไปจากเดิมถึง 2 เดือนนั้น (ต้องจบการศึกษาปลายเดือนพฤษภาคมแทนที่จะจบปลายเดือนมีนาคมแบบเดิม) นับเป็นความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างมาก เพราะเกิดรายจ่ายเพิ่มขึ้นถึง 2 เดือน และเกิดค่าเสียโอกาสในการทำงานอีก 2 เดือนด้วยเช่นกัน ประมาณการคร่าวๆ ไม่น้อยกว่ารายละ 3-4 หมื่นบาท และเมื่อคิดจากจำนวนนักศึกษานับแสนรายต่อปี จึงเกิดเป็นความเสียหายที่แฝงอยู่ในระบบเศรษฐกิจอย่างมากมายมหาศาล ซึ่งจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป

10. สูญเสียสัมพันธภาพในครอบครัวและเครือญาติจากช่วงเวลาหยุดของสมาชิกที่ไม่ตรงกัน เรื่องนี้สร้างความยุ่งยากวุ่นวายให้กับทุกครอบครัวที่มีบุตรหลานอยู่ในวัยเรียน เพราะความเหลื่อมล้ำของช่วงวันหยุดทำให้ต้องลดหรือยกเลิกกิจกรรมที่เคยกระทำร่วมกันของครอบครัวและเครือญาติลงไป เช่น กิจกรรมในวันเกิดของสมาชิก วันผู้สูงอายุ วันครอบครัว และวันรวมญาติ เป็นต้น ก่อให้เกิดความห่างเหินของสมาชิกทั้งในครอบครัวและในระบบเครือญาติ ซึ่งทำให้สูญเสียสัมพันธภาพอันดีในครอบครัวและเครือญาติลงไปอย่างน่าเสียดายไม่มากก็น้อย

เหตุผลทั้ง 10 ประการที่ยกมานี้ น่าจะทำให้ รมต.ศธ. เข้าใจปัญหาได้อย่างชัดเจน และน่าจะหาทางแก้ไข โดยเร็ว เพราะถ้ายิ่งปล่อยไปนาน นับวันจะยิ่งเกิดความเสียหายมากและแก้ไขยากยิ่งขึ้น ซึ่งตอนนี้คงจะไม่มีวิธีการใดดีไปกว่าการยกเลิกการเปิด-ปิดเทอมมหาวิทยาลัยตามอาเซียน (ที่อุปโลกน์กันขึ้นมา) และกลับมาเปิด-ปิดเทอมมหาวิทยาลัยตามแบบเดิม

 

ที่มา มติชน ฉบับวันที่ 21 เม.ย. 2559 (กรอบบ่าย)


เหตุผล 10 ประการ ที่เสนอต่อ รมต.ศธ. เพื่อขอให้มหาวิทยาลัยกลับมาเปิด-ปิดเทอมตามแบบเดิม เหตุผล10ประการที่เสนอต่อรมต.ศธ.เพื่อขอให้มหาวิทยาลัยกลับมาเปิด-ปิดเทอมตามแบบเดิม

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

:: เรื่องปักหมุด ::

ก.ค.ศ. อนุมัติให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษามีและเลื่อนเป็นวิทยฐานะเชี่ยวชาญ จำนวน 13 ราย เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2567

ก.ค.ศ. อนุมัติให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษามีและเลื่อนเป็นวิทยฐานะเชี่ยวชาญ จำนวน 13 ราย เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2567

เปิดอ่าน 26,191 ☕ 24 ต.ค. 2567

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
สมศ.ขานรับนโยบาย "บิ๊กอุ้ม"  ภายใน 5 ปี ประเมินสถานศึกษาครบกว่า 5.8 หมื่นแห่ง
สมศ.ขานรับนโยบาย "บิ๊กอุ้ม" ภายใน 5 ปี ประเมินสถานศึกษาครบกว่า 5.8 หมื่นแห่ง
เปิดอ่าน 124 ☕ 19 พ.ย. 2567

คุรุสภาเปิดรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับ (ร่าง) ข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยมาตรฐานวิชาชีพครูปฐมวัย พ.ศ. ... และ (ร่าง) ข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยมาตรฐานวิชาชีพครูการศึกษาพิเศษ พ.ศ. ... ระหว่างวันที่ 15 - 30 พฤศจิกายน 2567
คุรุสภาเปิดรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับ (ร่าง) ข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยมาตรฐานวิชาชีพครูปฐมวัย พ.ศ. ... และ (ร่าง) ข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยมาตรฐานวิชาชีพครูการศึกษาพิเศษ พ.ศ. ... ระหว่างวันที่ 15 - 30 พฤศจิกายน 2567
เปิดอ่าน 494 ☕ 15 พ.ย. 2567

"สุเทพ" แนะศึกษาธิการจังหวัดสร้างศรัทธาในการทำงานพร้อมร่วมมือพันธมิตรในพื้นที่ขับเคลื่อนปฏิรูปการศึกษา
"สุเทพ" แนะศึกษาธิการจังหวัดสร้างศรัทธาในการทำงานพร้อมร่วมมือพันธมิตรในพื้นที่ขับเคลื่อนปฏิรูปการศึกษา
เปิดอ่าน 544 ☕ 15 พ.ย. 2567

ปฏิทินการบริหารงานบุคคล สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ปี พ.ศ. 2568
ปฏิทินการบริหารงานบุคคล สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ปี พ.ศ. 2568
เปิดอ่าน 2,937 ☕ 13 พ.ย. 2567

ประกาศรายชื่อโรงเรียนที่ได้รับคัดเลือกระดับชาติเพื่อเป็นโรงเรียนต้นแบบการจัดการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม (DLTV) ประจำปี 2567
ประกาศรายชื่อโรงเรียนที่ได้รับคัดเลือกระดับชาติเพื่อเป็นโรงเรียนต้นแบบการจัดการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม (DLTV) ประจำปี 2567
เปิดอ่าน 1,902 ☕ 13 พ.ย. 2567

สพฐ.แจ้งแนวทางการอนุญาตให้บุคลากรในสังกัดทำหน้าที่ผู้ประเมินคุณภาพภายนอก
สพฐ.แจ้งแนวทางการอนุญาตให้บุคลากรในสังกัดทำหน้าที่ผู้ประเมินคุณภาพภายนอก
เปิดอ่าน 770 ☕ 13 พ.ย. 2567

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

สอนออนไลน์ง่ายขึ้นด้วยโปรแกรม ClassPoint บน PowerPoint
สอนออนไลน์ง่ายขึ้นด้วยโปรแกรม ClassPoint บน PowerPoint
เปิดอ่าน 25,833 ครั้ง

ประภาวดี เจริญรัตนธารากูล ฮีโร่เหรียญทองปักกิ่งเกมส์
ประภาวดี เจริญรัตนธารากูล ฮีโร่เหรียญทองปักกิ่งเกมส์
เปิดอ่าน 12,490 ครั้ง

10 โรคเรื้อรังของคนวัย 40 อัพ
10 โรคเรื้อรังของคนวัย 40 อัพ
เปิดอ่าน 15,370 ครั้ง

ปฏิรูปการศึกษาไทย ในศตวรรษที่ 21 ไปทางไหน
ปฏิรูปการศึกษาไทย ในศตวรรษที่ 21 ไปทางไหน
เปิดอ่าน 23,732 ครั้ง

ปฏิรูปการศึกษา...เพื่ออะไร ?
ปฏิรูปการศึกษา...เพื่ออะไร ?
เปิดอ่าน 8,154 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ