องค์การค้าฯอ่วมซ้ำ!คกก.สอบตำรา5.3แสนเล่มหายฟันธงทุจริตจริง/ศธ.ลุยตรวจสินค้าอื่นๆอีก
ผลตรวจสอบเบื้องต้นชุดนักเรียนค้างสต็อกมูลค่ากว่า 100 ล้าน ผลิตเกินสะสมมานานนับ 10 ปี หรือตั้งแต่ปี 49 คาดหวังกินค่าหัวคิว ศธ.เร่งสืบสวนให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน ส่วนหนังสือเรียนหาย 5.3 แสนเล่ม ล่าสุด คกก.สอบตั้งข้อกล่าวหาผู้บริหารองค์การค้าของ สกสค. และเจ้าหน้าที่ รวม 2 รายแล้ว "ธเนศพล" ลั่นลุยตรวจสินค้าชนิดอื่นว่ามีการผลิตเกินสั่งอีกหรือไม่ "ดาว์พงษ์" รับตกใจ คาดไม่ถึงทำกันขนาดนี้
นายธเนศพล ธนบุณยวัฒน์ ประธานคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานกำหนดแนวทางการประเมินประสิทธิภาพและติดตามการดำเนินงานขององค์การค้าของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบกรณีพบชุดนักเรียนค้างอยู่ในคลังสินค้าขององค์การค้าของ สกสค. ว่า จากการตรวจสอบของตนและนายสุเทพ ชิตยวงษ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รองเลขาฯ กพฐ.) ในฐานะปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการองค์การค้าของ สกสค. พบว่าในคลังสินค้ามีชุดนักเรียนค้างอยู่ในสต็อกจำนวน 509,600 ชิ้น มีมูลค่าความเสียหายประมาณ 100 กว่าล้านบาท ซึ่งมีเอกชนติดต่อเพื่อมาขอซื้อในราคาถูก แต่จากการหารือเห็นว่าจะไม่ยอมให้เอกชนรายใดได้ประโยชน์รับซื้อชุดนักเรียนดังกล่าว เบื้องต้นองค์การค้าของ สกสค.จึงคัดเลือกชุดนักเรียนที่อยู่ในสภาพดี ประมาณ 460,000 แสนชิ้น ออกมาจำหน่ายให้ประชาชนในราคาถูก เพื่อให้ได้เงินทุนจำนวนหนึ่งกลับคืนมาหมุนเวียนภายในองค์กร
"ทั้งนี้ ในส่วนตรวจสอบนั้นได้มอบหมายให้นายสุเทพตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ว่าสินค้าค้างอยู่ในคลังมาเป็นเวลานานเท่าไร และเกิดขึ้นในช่วงที่ใครเป็นผู้อำนวยการองค์การค้าฯ หากมีหลักฐานชัดเจนว่ามีเจตนาสั่งซื้อสินค้าเกินจริงมาเก็บไว้ในคลังก็จะดำเนินการตามกฎหมายทันที มั่นใจว่าสามารถเอาผิดได้แน่นอน เพราะของทั้งหมดเป็นของหลวง ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้" นายธเนศพลกล่าว
หัวหน้าคณะทำงานกล่าวอีกว่า เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นชัดเจนว่าการบริหารงานขององค์การค้าของ สกสค.ที่ผ่านมามีปัญหา การที่พบชุดนักเรียนค้างอยู่ในคลังสินค้าจำนวนมากขนาดนี้ คิดไปในลักษณะอื่นไม่ได้นอกจากสั่งมาเพื่อกินเงินค่าหัวคิว คิดง่ายๆ ถ้าเราเป็นเจ้าของกิจการ การสั่งสินค้าเกินในปีแรก มีความเป็นไปได้ แต่ในปีต่อไป เราต้องนำสินค้าที่ค้างสต็อกออกมาขาย แล้วสั่งสินค้าในปริมาณลดลงเพื่อไม่ให้ขาดทุน แต่นี่มีการสั่งสินค้าเกินจริงมานานเป็น 10 ปี ก็ต้องคิดดูว่าทำไปเพื่ออะไร ทั้งนี้ นอกจากเรื่องชุดนักเรียนแล้ว ตนและนายสุเทพกำลังตรวจสอบสินค้าประเภทอื่นๆ เพิ่มเติม ว่ามีการกักตุนหรือสั่งสินค้าเกินอีกหรือไม่ ส่วนเรื่องการตรวจสอบการการรับฝากเข็มขัดและหัวเข็มขัดลูกเสือซึ่งเป็นของเถื่อน ไม่มีลิขสิทธิ์ไว้ในคลังขององค์การค้าของ สกสค.นั้น คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในสัปดาห์หน้า
ด้านนายสุเทพกล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่าชุดนักเรียนดังกล่าวสะสมอยู่ในสต็อกตั้งแต่ปี 2549 มาเรื่อยๆ และมียอดบางส่วนอยู่ในสต็อกตั้งแต่ปี 2541 และ 2542 ซึ่งในส่วนของการตรวจ ตนได้แต่งตั้งนายอำนาจ วิชยานุวัติ ผู้ช่วยเลขาฯ กพฐ. เป็นประธานคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง และเนื่องจากเป็นเรื่องสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ขององค์การค้าของ สกสค. จึงได้เร่งสืบสวนให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน ส่วนความคืบหน้าในการตรวจสอบกรณีหนังสือโอนเข้าคลังไม่ครบจำนวน 5.3 แสนเล่ม ล่าสุดคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงได้ตั้งข้อกล่าวหาผู้บริหารองค์การค้าของ สกสค. และเจ้าหน้าที่ รวม 2 ราย ซึ่งทั้ง 2 รายขอรายงานข้อเท็จจริงเป็นลายลักษณ์อักษรในวันที่ 27 เมษายน หากในการรายงานพบว่ามีการพาดพิงไปถึงอดีตผู้บริหารหรือเจ้าหน้าที่องค์การค้าของ สกสค.รายใด ก็จะต้องดำเนินการทางกฎหมายต่อไป
นอกจากนี้ นายธเนศพลกล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินการฟ้องแพ่งเพื่อเรียกเงินจำนวน 2,100 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี คืนจากธนาคารธนชาตด้วยว่า ล่าสุด ตนได้รายงานให้ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) รับทราบผลการดำเนินการ โดยนายพินิจศักดิ์ สุวรรณรังค์ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ในฐานะปฏิบัติหน้าที่เลขาฯ สกสค. ได้ส่งเรื่องให้อัยการเป็นผู้ทำเรื่องฟ้องแพ่งเพื่อเรียกเงินคืนจากธนาคารธนชาตแล้ว ซึ่งจากนี้ต้องว่ากันไปตามข้อกฎหมายต่อไป
เมื่อเวลา 15.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศธ. กล่าวภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สั่งสอบการจัดซื้อชุดนักเรียนค้างในสต็อกเป็นจำนวนมาก ว่า เจ้าหน้าที่รายงานผลสอบเบื้องต้นให้ตนทราบ เป็นการตรวจสอบย้อนหลังไป 10 ปี ซึ่งพบเหลือในสต็อกมากถึง 4 แสนกว่าชุด ซึ่งมันผิดปกติ บริหารจัดการอย่างไรถึงเหลือมากขนาดนี้ โดยเรื่องนี้เป็นการไปตรวจพบในจังหวะที่ตนให้องค์การค้าฯ คุรุสภา ไปดูว่ามีอะไรสามารถมาจำหน่ายให้กับเด็กๆ ได้บ้าง ที่ตลาดคลองผดุงกรุงเกษม ข้างทำเนียบรัฐบาล เนื่องจากเดือน เม.ย.เป็นคิว ศธ.เป็นเจ้าภาพ ซึ่งตอนเจอแล้วมารายงาน ตนยังตกใจ ตนจึงนำเรียนนายกฯ ในการประชุมครม.เมื่อวันที่ 12 เม.ย.
“ผมจะทำเรื่องถึง พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ในฐานะประธานศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) เข้ามาตรวจสอบ จะไม่มีการตรวจสอบกันเอง แต่เบื้องต้นจะไปไล่ดูก่อนว่าจัดซื้อปีไหนบ้าง ยอดเท่าไหร่ จัดซื้อถูกต้องหรือไม่ ใครเป็นคนสั่งซื้อ ซึ่งตรงนี้ไม่ยากเพราะมีหลักฐานหมด และสามารถเอาผิดย้อนหลังได้ ทั้งคดีอาญา คดีแพ่ง ขณะที่ผลสอบเบื้องต้นของ ศธ.คาด 7 วันชัดเจน ทั้งนี้ ถือเป็นเรื่องใหม่ที่เพิ่งตรวจเจอ ไม่เกี่ยวกับกับข้าราชการที่ถูกคำสั่งมาตรา 44 ก่อนหน้านี้ทั้งหมด” พล.อ.ดาว์พงษ์กล่าว.
ที่มา ไทยโพสต์ วันที่ 20 เมษายน 2559