“จงรัก” ชี้ภูมิอากาศเรื่องสำคัญ วอน ทปอ.ประเมินข้อดี-เสียอีกครั้ง
ดร.จงรัก วัชรินทร์รัตน์ รักษาการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ให้สัมภาษณ์กรณีการเปิดปิดมหาวิทยาลัยตามอาเซียนว่า ขณะนี้ มก.ประสบปัญหามาก โดยเฉพาะวิทยาเขตในต่างจังหวัดซึ่งอากาศร้อนมาก ขณะเดียวกันการที่เราบอกว่าต้องการเด็กในประเทศอาเซียนจะมาเรียน ก็ไม่เห็นผลที่ชัดเจนนัก อีกทั้งนิสิตคณะครุศาสตร์มีปัญหาเรื่องการฝึกสอน คณะเกษตรศาสตร์ก็ไม่มีน้ำให้นิสิตทำการฝึกปฏิบัติในการเพาะปลูกในฤดูแล้งได้ เป็นต้น ส่วนการกลับไปเปิดปิดภาคเรียนตามเดิมนั้น ตนเห็นด้วย อย่างไรก็ตามในฐานะที่ มก. เป็นสมาชิก ทปอ. ก็ต้องยอมรับมติ ทปอ. แต่เมื่อทำมาปีที่ 2 ถ้าเห็นว่ามีปัญหา ทปอ.ก็ทบทวนได้ ประเมินข้อดีข้อเสียเป็นเชิงตัวเลข อย่าจินตนาการและตัดสินใจบนฐานข้อมูล โดย มก.ก็จะให้สำรวจความเห็นเพื่อเก็บข้อมูลจากนิสิต อาจารย์ บุคลากร ผู้มีส่วนได้ ส่วนเสียว่า การเปิดมีข้อดีข้อเสียอย่างไรเป็นรูปธรรมเพื่อนำเรื่องนี้เสนอ ทปอ. โดยในการประชุมวันที่ 24 เม.ย.นี้ ตนจะนำเสนอปัญหานี้ด้วยวาจาก่อนว่า ทปอ.จะสามารถทบทวนได้หรือไม่ แต่ท้ายที่สุดเราก็ต้องอยู่ด้วยกัน ถ้า ทปอ.ว่าอย่างไร โดยระบบก็ควรจะเหมือนกัน แต่ว่า ทปอ.ก็ทบทวนได้เช่นเดียวกัน
“ในฐานะที่ผมเป็นนักป่าไม้ นักภูมิอากาศด้วย บ้านเรามีฤดูแล้งชัดเจน แต่ประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ ไม่มีฤดูแล้งและมีฝนตกทั้งปี ส่วนไทย ลาว พม่า มีฤดูแล้งชัดเจน ภูมิอากาศเป็นเรื่องใหญ่ การจะทำอะไรต้องยึดตามภูมิอากาศจะทำให้เราจัดการอะไรได้ถูกต้อง” ดร.จงรักกล่าวและว่า หากมหาวิทยาลัยจะกลับมาเปิดปิดภาคเรียนตามเดิม ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ มก.คงไม่สามารถทำได้แห่งเดียว ถ้าเวลาไม่ตรงกันจะทำให้กระทบกระบวนการรับแอดมิชชั่น การแลกเปลี่ยนนิสิต นักศึกษา อาจารย์ ระหว่างมหาวิทยาลัยในประเทศ การแข่งขันกีฬา ทำวิจัย ถ้าตรงกันได้ก็ดี.
ที่มา ไทยรัฐ วันที่ 14 เมษายน 2559
Advertisement
"จงรัก"ชี้จะทำอะไรต้องยึดภูมิอากาศ
อธิการบดี มก.จี้ทปอ.ทบทวนเปิด-ปิดภาคเรียนตามอาเซียน ย้ำอากาศร้อนไม่เหมาะที่จะเรียน แนะจะทำอะไรต้องยึดภูมิอากาศเป็นสำคัญ
วันนี้ (13 เม.ย.)ดร.จงรัก วัชรินทร์รัตน์ รักษาการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.)กล่าวถึงกรณีมติของที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) เรื่องการเปิด-ปิดภาคเรียนตามอาเซียน ของสถาบันอุดมศึกษาในประเทศไทย ว่า หลังจากที่ มก.ได้ดำเนินการตามมติดังกล่าวมา 2 ปี พบว่าประสบปัญหามากโดยเฉพาะในช่วงที่อากาศร้อนตามวิทยาเขตในต่างจังหวัดจะลำบากและร้อนมาก ต้องเปิดแอร์มาก จะออกมาทำงานกลางแจ้งก็ไม่ได้ เพราะร้อนมาก ไม่เหมาะที่จะเรียนจริงๆส่วนที่ว่าเปิดภาคเรียนตามอาเซียน เพื่อต้องการให้เด็กในประเทศอาเซียนจะมาเรียนในประเทศไทย ก็ไม่เห็นผลที่ชัดเจน ส่วนตัวเห็นว่าถ้าเด็กจะมาเรียนในไทยคงไม่สนใจเรื่องการเปิดปิดภาคเรียนมากนักแต่ดูเวลาที่เหมาะสม รวมทั้งนิสิตคณะครุศาสตร์ ก็ประสบปัญหาเรื่องการฝึกสอนที่การบริหารจัดการลำบาก ส่วนคณะเกษตรศาสตร์ ก็ไม่มีน้ำให้นิสิตทำการฝึกปฏิบัติในการเพาะปลูกในฤดูแล้งได้ ต่อข้อถามการกลับไปเปิดปิดภาคเรียนตามเดิม
ดร.จงรัก กล่าวว่า มก. เป็นสมาชิก ทปอ. ก็ต้องยอมรับมติ ทปอ. แต่เมื่อทำมาปีที่ 2 มีปัญหา มก.ก็คงนำเรื่องเข้า ทปอ.ว่ามีโอกาสหรือไม่ที่จะกลับมาเป็นแบบเดิม ซึ่ง ทปอ.ก็ทบทวนได้ โดยอาจจะประเมินข้อดี ข้อเสีย เป็นเชิงตัวเลขและตัดสินใจบนฐานข้อมูล อย่าจินตนาการ ส่วน มก.จะให้สำรวจความเห็นนิสิต อาจารย์ บุคลากร ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อนำเรื่องนี้เสนอ ทปอ. อย่างไรก็ตามตนเห็นด้วย ถ้ากลับได้ก็ควรกลับไปใช้แบบเดิม โดยไม่กระทบกับภาพรวมของประเทศไทย และการเปิดปิดภาคเรียนทั้งระบบก็ควรจะเหมือนกัน
“ในฐานะที่ผมเป็นนักป่าไม้ นักภูมิอากาศ เขตร้อนบ้านเรา ฤดูแล้งมันชัดเจน แต่ประเทศที่เราตามเขาไม่ว่าจะเป็นอินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ เขาไม่มีฤดูแล้ง เขาอยู่ในเขตที่มีฝนตกทั้งปี ผมว่าภูมิอากาศเป็นเรื่องสำคัญการจะทำอะไรต้องยึดตามภูมิอากาศ จะทำให้เราจัดการอะไรได้ถูกต้อง หากมหาวิทยาลัยจะกลับมาเปิดปิดภาคเรียนตามเดิม ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ มก. คงไม่สามารถทำได้แห่งเดียว เพราะลักลั่นกันระหว่างมหาวิทยาลัย"ดร.จงรัก กล่าว.
ที่มา เดลินิวส์ วันที่ 13 เมษายน 2559