ศธ.ยกร่างระเบียบใหม่ การลาไปเรียนต่อ ฝึกอบรม หรือทำวิจัยของข้าราชการ ย้ำเพื่อให้เกิดความชัดเจนและเกิดประโยชน์กับราชการจริง ด้านปลัด ศธ.แจงระเบียบเดิมมีบางข้อความไม่ชัดเจน ไม่ครอบคลุมการปฏิบัติงานวิจัย
พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ตนได้ประชุมร่วมกับผู้บริหารองค์กรหลักของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เพื่อหารือถึงการปรับแก้ระเบียบ ศธ.ว่าด้วยการให้ข้าราชการไปศึกษาต่อและฝึกอบรมภายในประเทศ พ.ศ. 2538 และแก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 2 พ.ศ.2547 โดยเปลี่ยนชื่อเป็น ร่างระเบียบ ศธ.ว่าด้วยการลาไปศึกษาเพิ่มเติม ฝึกอบรมดูงาน และปฏิบัติการวิจัย ภายในประเทศ พ.ศ.... ซึ่งการปรับแก้ครั้งนี้จะเพิ่มพูนประสิทธิภาพการปฏิบัติราชการให้เหมาะสม รวมทั้งสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ของสำนักงานข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ครอบคลุมไปถึงการลาไปศึกษาดูงาน ฝึกอบรม หรือปฏิบัติการวิจัยด้วย ที่มาของการแก้ระเบียบดังกล่าวไม่ได้มีปัญหาหรือข้อร้องเรียนใดๆ แต่ทำเพื่อให้ระเบียบการลาไปอบรม ลาศึกษาต่อ หรือลาทำงานวิจัยของข้าราชการ มีข้อกำหนดต่างๆ ที่เข้มข้นและชัดเจนมากขึ้น และเพื่อให้เกิดมั่นใจว่าการลาดังกล่าวเกิดประโยชน์กับกับทางราชการจริง
นอกจากนี้ที่ประชุมยังมอบหมายให้สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) ไปทบทวนโครงสร้างคณะกรรมการนโยบายการศึกษาและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ให้มีองค์ประกอบกรรมการที่มาจากฝ่ายต่างๆ ให้ครอบคลุมเรื่องศึกษาตลอดชีวิตตามนโยบายรัฐบาล ไม่ใช่เฉพาะการศึกษาในระบบเพียงอย่างเดียว โดยจะต้องนำกลับมาให้ที่ประชุมพิจารณาในครั้งต่อไป ขณะเดียวกันที่ประชุมยังตกลงกันว่า ต่อไปหากองค์กรหลักใดจะมีการปรับแก้ระเบียบภายในหรือกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง จะต้องนำเข้าหารือในที่ประชุมองค์กรหลักเพื่อพิจารณารายละเอียดร่วมกันด้วย
ด้าน นพ.กำจร ตติยกวี ปลัด ศธ. กล่าวว่า การปรับแก้ระเบียบการลาครั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับระเบียบของ ก.พ.ที่เพิ่งออกมาใหม่ โดยระเบียบเดิมของ ศธ.ที่ใช้อยู่ยังมีบางข้อความที่ไม่ชัดเจนและไม่ครอบคลุมถึงการลาไปปฏิบัติงานวิจัย ดังนั้นจึงต้องทำให้ชัดเจน โดยเฉพาะการลาไปศึกษาต่อระดับปริญญาเอก ซึ่งมีผู้ทักท้วงว่ากำหนดระยะเวลา 3 ปี อาจจะไม่เพียงพอสำหรับสาขาที่ต้องใช้องค์ความรู้มาก ดังนั้นจึงต้องมีการปรับแก้ โดยให้กลับไปดูรายละเอียดให้ครบ รวมถึงมีการกำหนดหลักเกณฑ์ สำหรับผู้ที่ลาไปศึกษาต่อจะต้องกลับมาชดใช้ โดยกลับมาทำงานให้ราชการเป็นเวลาเท่ากับที่ลาไปศึกษาต่อ หรือชดใช้เป็นเงินสองเท่าจากเงินเดือนที่ราชการจ่ายให้ หากไม่กลับมาทำงานหรือไม่ใช้เงินคืนก็จะต้องดำเนินการตามกฎหมาย โดยหลักเกณฑ์การลาใหม่จะใช้เฉพาะข้าราชการพลเรือนในสังกัด ศธ. ไม่รวมครูผู้สอนและอาจารย์ซึ่งมีระเบียบของตนเองรองรับอยู่แล้ว ส่วนกรณีการลาไปศึกษาต่อต่างประเทศก็จะต้องมาดูรายละเอียด โดยการปรับหลักเกณฑ์นี้ไม่เกี่ยวข้องกับกรณีทันตแพทย์หญิงของมหาวิทยาลัยมหิดลที่หนีทุน แต่เป็นการปรับเพื่อให้มีความเหมาะสมและเข้มข้นมากขึ้น.
ที่มา ไทยโพสต์ วันที่ 11 เมษายน 2559