“สมพงษ์”ยอมรับ“ดาว์พงษ์”กล้าตัดสินใจ ชี้เป็นการปฏิวัติเงียบใน ศธ. เชื่อหลังจากนี้ต้องมีการใช้ ม.44 อีกแน่ ห่วงโครงสร้างใหม่หากในอนาคตมี รมว.ศึกษาธิการที่มาจากนักการเมือง จะทำให้ปัญหาการวิ่งเต้นโยกย้ายยิ่งอันตราย
วันนี้ (22 มี.ค.) ศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ อาจารย์คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใช้มาตรา 44 ขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.)ในส่วนภูมิภาคว่า ถือเป็นการใช้ยาแรงที่รัฐบาลใช้ และเป็นความกล้าตัดสินใจของ พล.อ.ดาว์พงษ์ เพื่อสร้างเอกภาพใน ศธ. เนื่องจากที่ผ่านมา องค์กรต่างๆของศธ.ทั้ง 5 องค์กรหลักต่างคนต่างทำงาน ปัญหาการโยกย้ายครูที่ทำไม่ได้ และในช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านเพื่อนำไปสู่การปฏิรูปการศึกษาจะต้องใช้คำสั่งมาตรา 44 ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทันทีในส่วนภูมิภาค ซึ่งเป็นการใช้อำนาจที่เด็ดขาด กึ่งเผด็จการ แต่จำเป็นต้องทำ เพื่อให้เกิดผลทันที ถือเป็นการปฏิวัติเงียบในศธ. และโดยส่วนตัวเชื่อว่าจะต้องใช้มาตรา 44 อีก เพื่อปรับระบบการทำงานของส่วนกลาง ระบบโรงเรียน รวมไปถึงองค์การมหาชนบางแห่ง ซึ่งคงมีข่าวใหญ่ตามมาอีกแน่นอน
“การปรับครั้งนี้กลับไปสู่โครงสร้างเดิมเกือบ 80% ที่แตกต่างคือ การมีประชารัฐ ให้ภาคเอกชนและท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วม และการให้จังหวัดจัดการตนเอง แต่ผมคิดว่าก็ยังมีสัดส่วนที่น้อย และหากในอนาคตมี รมว.ศึกษาธิการ ที่มาจากนักการเมือง บอกได้เลยว่า อันตราย อาจเกิดปัญหาวิ่งเต้นโยกย้ายข้าราชการที่ไม่เหมาะสม อีกทั้งสายบังคับบัญชาจากกระทรวงกว่าจะถึงโรงเรียนมีหลายขั้นตอน ตั้งแต่ รมว.ศึกษาธิการ, ปลัด ศธ., ศึกษาธิการภาค, ศึกษาธิการจังหวัด และโรงเรียน จึงอยากขอให้ พล.อ.ดาว์พงษ์ ใช้มาตรา 44 ในช่วงเปลี่ยนผ่าน และวางระบบการบริหารบุคคลที่ดี โดยคืนอำนาจให้แก่จังหวัดและพื้นที่โดยเร็ว ขณะที่จังหวัดและพื้นที่ต้องไม่ถูกครอบงำโดยกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง จะต้องเป็นตัวแทนจากกลุ่มคนที่หลากหลาย ให้มีการจัดการตนเองในจังหวัดอย่างสมบูรณ์” ศ.ดร.สมพงษ์ กล่าว.
ที่มา หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 22 มีนาคม 2559