กิน กาม เกียรติ
"กิน" คุณสามารถกินได้มากเท่าไรก็ได้ เท่าที่คุณมีเงิน "เกียรติ" คุณสามารถมีเกียรติได้
มากเท่าไรก็ได้ เท่าที่คุณมีความพยายาม
แต่ "กาม" นั้น คุณจะหามาเสพสุขไม่รู้สิ้นได้อย่างไร ถ้าไม่หลอกลวงผู้อื่น?
กาม จากผู้หญิงดีๆ โดยเฉพาะสาวบริสุทธิ์ เป็นของหายาก อยู่ดีๆ จะให้สาวบริสุทธิ์มากมาย มา
พลีกายให้เชยชมฟรีๆนั้นเป็นไปไม่ได้
ถ้าไม่หลอกลวงให้เชื่อใจ ให้เชื่อว่ารัก ยอมไม่ได้มา
มันจึงเป็นหน้าที่ของตัวผู้หญิงเอง ที่จะต้องพิจารณาเองว่า
"ในคำหวาน ในคำลวงบอกรัก ของผู้ชายคนใด ที่มีรักแท้ซ่อนอยู่"
ดังคำพระท่านว่า "มนุษย์เราไม่มีอะไรมาก
กิน กาม เกียรติ 3 อย่างนี้ คือ วิถีของมนุษย์" นี่ถ้าแบ่งส่วนของวัน เช้า
กลางวัน เย็น ก็กิน กินเสร็จแล้วก็กาม หมายถึง หาของสวยงามดู หาสิ่งหา
เสียงไพเราะฟัง หากลิ่นหอมๆดม หาอาหารอร่อยๆกิน แล้วก็หาผัสสะ หรือ
เพศสัมพันธ์ หรือเครื่องใช้ เครื่องนุ่งห่มมาใช้มาใช้สอยกัน นี่เป็นกาม
กาม ไม่ได้หมายถึง การร่วมเพศ หรือเพศสัมพันธ์อย่างเดียวแต่หมายถึง
"เครื่องบำรุงปรุงแต่งชีวิต"หมดเรื่องกาม
ก็พูดถึงเกรียติ นี่คือในหนึ่งวัน ถ้าเราแบ่งอย่างนี้ เราจะเห็นว่าชีวิตเป็นอย่างนั้นจริงๆ
ในปฐมวัย เราพูดถึงเรื่องกิน หลงกินกัน
ในมัชฌิมวัย หลงกามกัน เรื่องกามเป็นเรื่องใหญ่ เรื่อง รูป รส กลิ่น เสียง
อาหาร สัมผัส เพศสัมพันธ์เรื่องใหญ่
ในปัจฉิมวัย พูดถึงเรื่องเกียรติกัน คือมันกินน้อยลง(อาหาร) แล้วเรื่องกามก็
เพลาๆลงแล้ว ยศศักดิ์เป็นอัครฐาน ซึ่งเป็นอาหารทิพย์
สรุป " คนเรานั้นอยู่ได้เพราะกิน สุขเพราะกาม งามเพราะเกียรติ นี่คือวิถี
มนุษย์ คนจึงพยายามหามาให้ได้ทั้ง 3 แต่ก็มี มนุษย์บางจำพวก "จนเพราะ
กิน เลวเพราะกาม ทรามเพราะเกียรติ"
ทุกอย่างต้องพอเหมาะพอควร สิ่งที่หามาได้นั้น ได้มาโดยความสามรถ และ
ศรัทธา ที่ผู้อื่นมอบให้เรา อย่างนี้แล้วถือว่าการดำรงชีวิตอยู่เป็นชีวิตที่สมบูรณ์ได้ ....
................เอวังก็เป็นด้วยประกาลฉะนี้.................สาธุ