ศธ.จับมือ ฟีฟ่า-สมาคมฟุตบอล ปั้นครูพละศึกษาแกนนำสอนทักษะบอลเด็กในโรงเรียน หวังได้ช้างเผือกฝีเท้าดีร่วมทีมชาติไทยในอนาคต
วันนี้ (23 ก.พ.) ที่กระทรวงศึกษาธิการ พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รมช.ศึกษาธิการ พร้อมด้วย พญ.มยุรา กุสุมภ์ ที่ปรึกษา รมว.สาธารณสุข นายภาณุพงษ์ เศวตรุนทร์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และ สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ(ฟีฟ่า) ได้ร่วมลงนามความร่วมมือในโครงการฟีฟ่าเพื่อสุขภาพเด็กอายุ 11 ปี การศึกษาสุขอนามัยโดยใช้ฟุตบอลเป็นสื่อสำหรับเด็ก โดย พล.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ความร่วมมือในครั้งนี้มีระยะเวลาของทำงาน 6 ปี ซึ่ง ศธ.ต้องการให้ความรู้ด้านสาธารณสุขแก่เด็กนักเรียนในกลุ่มประเทศสมาชิกของฟีฟ่า เพื่อส่งเสริมให้เด็กนักเรียนอายุระหว่าง 11-12 ปี ได้มีทักษะกีฬาฟุตบอลที่ดี โดยมีรูปแบบของการดำเนินการ คือ ในช่วง 3 ปีแรก ฟีฟ่าจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการดำเนินการโครงการ ซึ่งได้มีการคัดเลือกครูพลศึกษา จำนวน 36 คนให้เป็นต้นแบบ เพื่อให้ครูเหล่านี้นำองค์ความรู้ไปขยายให้ครูพละคนอื่นๆต่อไป ทั้งนี้โครงการดังกล่าวจะเริ่มในโรงเรียนที่มีความพร้อมก่อนจากนั้นจะขยายให้ครอบคลุมทุกโรงเรียน
“เชื่อว่าโครงการดังกล่าวจะทำให้เด็กมีทักษะการเล่นฟุตบอลมากขึ้น อีกทั้งยังทำให้นักเรียนห่างไกลจากยาเสพติด เพราะกีฬาฟุตบอลกำลังเป็นที่นิยมให้กลุ่มเด็กและเยาวชนเป็นอย่างมาก ดังนั้นหากเด็กคนใดฉายแววการเล่นฟุตบอลได้ดีเยี่ยมก็อาจจะได้เข้าร่วมโครงการช้างเผือกได้เป็นเป็นนักฟุตบอลทีมชาติไทยในอนาคต” รมช.ศึกษาธิการ
ด้าน พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า โครงการดังกล่าวมีการเริ่มต้นมาตั้งแต่ในปี 2009 ในกลุ่มประเทศสมาชิกของฟีฟ่า โดยปีนี้ประเทศไทยมีโอกาสได้รับคัดเลือกให้เข้าร่วมโครงการเป็นประเทศที่ 4 ในกลุ่มเอเชีย ซึ่งมีเป้าหมายให้เด็กและเยาวชนมีทักษะทางฟุตบอล เนื่องจากเด็กในวัยนี้จะมีความจดจำได้อย่างดีเยี่ยม ซึ่งตนเชื่อว่าโครงการนี้จะทำให้เราได้ค้นหานักเตะฝีเท้าดีมาติดทีมชาติไทยได้ในอนาคต
ที่มา หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2559