ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมบทความการศึกษา  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

การศึกษาแบบไหนสอนให้คิดเป็น


บทความการศึกษา 18 ก.พ. 2559 เวลา 05:49 น. เปิดอ่าน : 17,171 ครั้ง
การศึกษาแบบไหนสอนให้คิดเป็น

Advertisement

โดย เสรี พงศ์พิศ
www.phongphit.com

ทำไมคนไทยจำนวนมากถือว่า “ถาม=เถียง” “วิจารณ์=ด่า” หรือว่าเรายังอยู่ในสังคมวัฒนธรรมอำนาจ สังคมอุปถัมภ์ ที่มีผู้ใหญ่-ผู้น้อย หัวหน้า-ลูกน้อง มีนาย-มีบ่าว แบบก้าวข้ามไปไม่ได้ ?

สังคมแบบนี้เป็นสังคมที่ใช้ความรุนแรง จึงมีแต่ข่าวฆ่ากัน ตีกันตั้งแต่ยังเป็นเด็กนักเรียนนุ่งกางเกงขาสั้น ไปจนถึงความรุนแรงในครอบครัว ในชุมชน ในเมือง ในชนบทไปทั่ว เป็นสังคมที่ผู้คนต้องอยู่แบบก้มหน้าก้มตา มองหน้าก็ไม่ได้ ถือว่าหาเรื่อง ขับรถปาดหน้าก็ลงมายิงกันแล้ว

เรามีการศึกษาแบบไหนคนถึงไม่ใช้เหตุผล ไม่ใช้สมองคิด ไม่ใช้ปัญญา แต่ใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา หรือว่าเราใช้แต่เงินในการพัฒนาประเทศ ถึงดูเหมือนว่า ยิ่งเรียนยิ่งโง่ ยิ่งพัฒนายิ่งจน ยิ่งรักษายิ่งเจ็บ กลายเป็นสังคมโง่ จน เจ็บแบบซ้ำซากถาวร วงจรอุบาทว์ที่หาทางออกไม่ได้

เมื่อปี 2549 คุณโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานธนาคารกรุงเทพ พูดเชิงประชดไว้ว่า “ประเทศที่พัฒนาแล้ว เขาพัฒนาเพราะเขาคิดเป็น ไม่ได้พัฒนาเพราะเขามีเงิน ถ้าเราคิดไม่เป็นก็อย่าไปพัฒนา การพัฒนา คือ การคิดให้ถูกต้อง” พูดแบบคนเคยทำงานสภาพัฒน์ฯ มาก่อน

ในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน นายเจมส์ วอลเฟนโซห์น อดีตประธานธนาคารโลกบอกว่า “เงินแก้ปัญหาความยากจนไม่ได้ ถ้าแก้ได้คงแก้ไปนานแล้ว เพราะโลกไม่ได้ขาดเงิน” ประโยคต่อๆ ไป มาเขียนเองดีกว่าว่า สังคมไทยไม่ได้จนทรัพยากร ไม่ได้จนแรงงาน ไม่ได้จนเงิน แต่จนปัญญา

การศึกษามีมานานพอๆ กับญี่ปุ่น เกาหลี สิงคโปร์ ตั้งแต่ก่อนอนุบาลไปจนถึงอุดมศึกษา ปริญญาตรีโทเอก เหมือนประเทศอื่น แล้วทำไมเรียนแล้วถึงไม่มีปัญญาเพื่อแก้ปัญหาและพัฒนาสังคมให้ดีกว่านี่ วัดผลออกมาทีไรลูกหลานบ้านเราก็สอบตกเกือบทุกวิชา ทุกปี หรือได้ที่ท้ายๆ ทุกครั้งเมื่อเทียบกับชาติอื่น

ความจริง เด็กทุกคนเกิดมาล้วนอยากเรียนรู้และตั้งคำถามากมาย จนมีการพูดกันว่า man is born genius but dies idiot คนเกิดฉลาด แต่ตายโง่ ยิ่งโตยิ่งไม่อยากรู้อะไรอีก ชอบพูดว่า “รู้แล้วๆ”

หรือว่าการศึกษาของเราแทนที่จะทำให้เด็กฉลาดขึ้น กลับทำให้โง่ลง บอนไซแบบทำลายศักยภาพของเด็ก เป็นกระถางที่ครอบต้นไม้ไม่ให้โต ไม่ให้ลงดิน ไม่ให้โตเป็นต้นไม้ใหญ่ พึ่งตนเองได้ ทำให้คนและสัตว์ได้พึ่งพาอาศัยด้วย

Advertisement

การศึกษาไทยไม่สอนให้คนตั้งคำถาม สอนแต่ให้ท่องจำคำตอบสำเร็จรูป การเรียนคือการท่องจำ การเตรียมสอบคือการเก็งข้อสอบ การติวคือการเอาข้อสอบต่างๆ มาเรียนเพื่อจะได้ตอบให้ตรงคำถาม

เมื่อเรียนแต่เพื่อตอบคำถามที่ครูหรือใครก็ไม่รู้ตั้งเอาไว้ จึงได้แต่คำตอบที่ไม่ตรงคำถามชีวิตของตนเอง ไม่ตรงคำถามของสังคม เรียนไปจึงพึ่งพาตนเองไม่ได้ ทำงานไม่เป็น

เด็กไทยไม่ถาม เพราะถามไม่เป็น การศึกษาไม่ได้สอนให้ถามเป็น สอนให้ตอบเป็นอย่างเดียว ไม่สอนให้ถกเถียง เพราะเถียงเป็นเรื่องไม่ดี เถียงผู้ใหญ่ไม่ได้ เถียงครูไม่ได้ เด็กดีจึงไม่ถาม ไม่เถียง ไม่วิจารณ์ พอมีโอกาสจึงทะลุกลางป้องเป็นการเถียงและด่าไปเลย กลายเป็นความรุนแรง เพราะทนอัดอั้นกันมานาน จึงมีสังคมนิรนามที่นิยมเขียนบัตรสนเท่ในโลกออนไลน์ ที่คนไทยใช้เป็นอันดับต้นๆ ของโลก

ไม่เช่นนั้นก็มีการใช้เหตุผลแบบข้างๆ คูๆ เอาสีข้างเข้าถู แบบศรีธนญชัย คงเพราะการศึกษาไม่ได้สอนให้คิดเป็น ไม่ได้สอนให้ใช้เหตุผล ให้เล่นคำ เล่นสำนวนโวหาร ตีฝีปาก ให้ฟังดูดีมีความน่าเชื่อถือ แต่เป็นตรรกะหลอกๆ อย่างที่นักการเมืองบางคนชอบใช้

การเกิดขึ้นของ “โรงเรียนแห่งแรกของโลก” ในตะวันตก ที่ประเทศกรีซเมื่อ 2,500 ปีก่อน เมื่อเพลโต นักปรัชญาผู้ยิ่งใหญ่ได้ก่อตั้ง “Academia” จัดการเรียนแบบที่โสคราติส ครูของเขาได้เริ่มต้น คือ การเรียนการสอนแบบ “วิภาษวิธี” (dialectic) ซึ่งเริ่มจากการตั้ง “ตัวยืน” (thesis) ข้อเท็จจริงหรือสิ่งที่คนเข้าใจหรือเชื่อ แล้วเกิดคำถาม ความเห็นแย้ง การวิจารณ์ (anti-thesis)ที่จะนำไปสู่การหาข้อสรุปใหม่ (synthesis) จากนั้นก็มีการตั้งคำถาม ความเห็นแย้งใหม่อีก และนำไปสู่ข้อสรุปใหม่เช่นนี้เรื่อยไป

กระบวนการนี้เองที่ทำให้เกิดความรู้ใหม่ เกิดนวัตกรรม เกิดการเปลี่ยนแปลง ปลดปล่อยก้าวข้ามวัฒนธรรมดั้งเดิมที่ทุกอย่างมีคำตอบหมดแล้ว ตอบด้วยตำนาน เรื่องราวของเทพเจ้าทั้งหลาย ที่บอกผู้คนว่า โลกเป็นมาอย่างไร เป็นอยู่อย่างไร และเปลี่ยนไปอย่างไร

โสคราติสตั้งคำถามให้คนหนุ่มสาวในสนามหลวงกรุงเอเธนส์พยายามคิดหาคำตอบใหม่ กลายเป็นการวิพากษ์ความเชื่อ ความรู้แบบเดิม สร้างวิญญาณขบถ ที่ทำให้เกิดความรู้ใหม่และวิชาการใหม่ๆ ในตะวันตกในเวลาต่อมา

โสคราติสบอกว่า “ชีวิตไม่มีค่า ถ้าไม่มีการตรวจสอบ” การตรวจสอบ คือ การตั้งคำถาม และต้องตั้งให้ดี ตั้งให้เป็น จึงจะได้คำตอบที่ดี มีพลัง (dynamics) ที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเพื่อเดินหน้าต่อไป

ไอน์สไตน์บอกว่าความรู้ดีที่สุดมาจากการปฏิบัติ เพราะเราเป็นผู้สร้างความรู้นั้นเอง เป็น “ความรู้มือหนึ่ง” ที่เราต่อยอดความรู้อื่น หรือสร้างจากจินตนาการ ซึ่งไอนส์ไตน์บอกว่า สำคัญกว่าความรู้

วัฒนธรรมการเรียนรู้แบบวิภาษวิธีส่งเสริมให้คนมีอิสระทางความคิด ทำให้เกิดจินตนาการ และกล้าหาญที่จะคิดนอกกรอบ ออกนอกกรอบ เพื่อแสวงหาสิ่งที่ดีกว่า

การศึกษาที่ดีจะไม่ทำลายความฝัน ความใฝ่ฝันของเด็ก ของผู้เรียน แต่จะสร้างแรงบันดาลใจให้มีจินตนาการ กล้าถาม และกล้าหาคำตอบเอง การศึกษาแบบนี้ต่างหากที่ทำคนคิดเป็นทำให้สังคมเจริญพัฒนาด้วยความรู้ใหม่ที่สร้างนวัตกรรมและการเปลี่ยนแปลง ถ้าไม่ปรับวัฒนธรรมการเรียนรู้ สังคมไทยจะได้แต่หุ่นยนต์หรือบอนไซกับไม้ในกระถางเท่านั้น 

 

ที่มา สยามรัฐ วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2559


การศึกษาแบบไหนสอนให้คิดเป็น

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

เดินหน้า ปฏิรูปการศึกษา 2559

เดินหน้า ปฏิรูปการศึกษา 2559


เปิดอ่าน 8,605 ครั้ง
ราชภัฏกับธนาคาร

ราชภัฏกับธนาคาร


เปิดอ่าน 7,750 ครั้ง
การพัฒนาทักษะ EF ให้กับเด็ก

การพัฒนาทักษะ EF ให้กับเด็ก


เปิดอ่าน 11,059 ครั้ง
คืนครูสู่ห้องเรียน

คืนครูสู่ห้องเรียน


เปิดอ่าน 16,777 ครั้ง
Advertisement


:: เรื่องปักหมุด ::

ระบบการศึกษาที่ไม่สมดุล (1)

ระบบการศึกษาที่ไม่สมดุล (1)

เปิดอ่าน 8,192 ☕ คลิกอ่านเลย

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
ปฏิรูปการศึกษานับหนึ่งใครเป็นใคร
ปฏิรูปการศึกษานับหนึ่งใครเป็นใคร
เปิดอ่าน 12,252 ☕ คลิกอ่านเลย

คอลัมน์: การศึกษา: ถึงคิว...พักงาน(ยาว) "ผอ.สมศ." ปลดล็อก..."ประเมินภายนอกรอบ 4"!!
คอลัมน์: การศึกษา: ถึงคิว...พักงาน(ยาว) "ผอ.สมศ." ปลดล็อก..."ประเมินภายนอกรอบ 4"!!
เปิดอ่าน 29,787 ☕ คลิกอ่านเลย

ถอดบทเรียนปฏิรูปการศึกษาเวียดนาม ทำอย่างไรถึงสำเร็จ
ถอดบทเรียนปฏิรูปการศึกษาเวียดนาม ทำอย่างไรถึงสำเร็จ
เปิดอ่าน 16,005 ☕ คลิกอ่านเลย

การศึกษาเท่านั้นที่ทำให้ประเทศเจริญ : โดย สุกรี เจริญสุข
การศึกษาเท่านั้นที่ทำให้ประเทศเจริญ : โดย สุกรี เจริญสุข
เปิดอ่าน 15,734 ☕ คลิกอ่านเลย

ทำอย่างไร?...ถึงจะทำให้คนในชาติเกิดค่านิยมไทย
ทำอย่างไร?...ถึงจะทำให้คนในชาติเกิดค่านิยมไทย
เปิดอ่าน 7,331 ☕ คลิกอ่านเลย

ดูให้ชัด รัฐธรรมนูญ ม.286 ให้มีการปฏิรูปการศึกษาเพื่อพัฒนาคนแน่ หรือ?
ดูให้ชัด รัฐธรรมนูญ ม.286 ให้มีการปฏิรูปการศึกษาเพื่อพัฒนาคนแน่ หรือ?
เปิดอ่าน 12,405 ☕ คลิกอ่านเลย

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

วิธีทำให้ "แก้วมังกร" ลูกดก
วิธีทำให้ "แก้วมังกร" ลูกดก
เปิดอ่าน 9,600 ครั้ง

 สะพานซังฮี้  ซังฮี้แปลว่าอะไร?
สะพานซังฮี้ ซังฮี้แปลว่าอะไร?
เปิดอ่าน 15,992 ครั้ง

ส้มป่อย สุดยอดผักเพิ่มภูมิคุ้มกัน
ส้มป่อย สุดยอดผักเพิ่มภูมิคุ้มกัน
เปิดอ่าน 11,989 ครั้ง

ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 2 พฤษภาคม 2552
ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 2 พฤษภาคม 2552
เปิดอ่าน 13,830 ครั้ง

ชมคลิป ยอดคุณพ่อเวียดนามจับลูกใส่ถุงพลาสติก พาลุยน้ำท่วมไปโรงเรียน
ชมคลิป ยอดคุณพ่อเวียดนามจับลูกใส่ถุงพลาสติก พาลุยน้ำท่วมไปโรงเรียน
เปิดอ่าน 11,717 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ