พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายให้แก่ผู้บริหารสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) ว่า สทศ.มีหน้าที่ในการประเมินผลการศึกษาของเด็ก ดังนั้นจึงอยากให้นำผลการประเมินมาใช้ในการพัฒนาและปรับปรุงระบบการศึกษาด้วย ซึ่ง สทศ.ได้เตรียมที่จะนำผลการสอบวิชา ต่าง ๆ มาวิเคราะห์ โดยแบ่งเป็นตามขนาดของโรงเรียน สังกัด จังหวัด และเขตพื้นที่การศึกษา เพื่อให้โรงเรียนทราบว่าตัวเองจัดการเรียนการสอนแต่ละวิชาอยู่ในระดับใด และนำผลการสอบไปพัฒนาคุณภาพการศึกษาได้ นอกจากนี้ สทศ.จะมีการเปิดเผยข้อสอบพร้อมเฉลยหลังการสอบทุกครั้งในทุกการสอบ เพื่อให้เด็กได้ทราบคำตอบพร้อมเหตุผลของทุกข้อสอบ โดย สทศ.จะนำเรื่องดังกล่าวเสนอต่อบอร์ด สทศ.ในเดือนมีนาคมนี้ และคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ตั้งแต่ปีการศึกษา 2559 เป็นต้นไป
พล.อ.ดาว์พงษ์ กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ตนได้มอบให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)นำตัวอย่างข้อสอบที่โรงเรียนต่าง ๆ ใช้สอบเด็ก เช่น ข้อสอบกลางภาคหรือปลายภาค เป็นต้น มาให้ สทศ.วิเคราะห์และบูรณาการการออกข้อสอบของ สทศ.ด้วย เพื่อให้ข้อสอบเป็นไปตามหลักสูตร ไม่ยากเกินไป และเป็นไปในทิศทางเดียวกัน อย่างไรก็ตาม สทศ.ยอมรับว่า ข้อสอบของ สทศ.ยากจริง และ รับปากว่าจะไปดูรายละเอียดของการออกข้อสอบว่า ที่ผ่านมาทำไมถึงยากและเด็กถึงได้คะแนนต่ำ ทั้งที่ความจริงแล้วเด็กไทยไม่ใช่ว่าเป็นเด็กที่ไม่มีความรู้ ดังนั้น สทศ.จะไปทบทวนการออกข้อสอบ เพื่อให้ผลการสอบสะท้อนความจริงมากที่สุด
ด้าน นายการุณ สกุลประดิษฐ์ เลขา ธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า อยากให้ สทศ.รื้อระบบการออกข้อสอบใหม่ โดยเฉพาะแบบทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (โอเน็ต) ที่ควรเป็นการวัดความรู้พื้นฐานของเด็กมากกว่า แต่ที่ผ่านมาข้อสอบโอเน็ตยากเกินไป อีกทั้งไม่ตรงกับการจัดการเรียนการสอนและหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน รวมถึงเป็นข้อสอบที่มุ่งจำแนกเด็กเก่งและเด็กอ่อนทำให้เด็กเกิดแข่งขันกันด้วย.
ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์