คลอดกันซะที....ค่ะ กับแนวทาง...กับมาตรการ“ปลดหนี้”ให้บรรดา“คุณครู”ทั้งหลาย หลังจากตั้งหน้าตั้งตารอกันมานมนาน เรียกว่า...งานนี้ คุณครู จะได้มีเวลา มีโอกาส ได้หายใจหายคอกันบ้าง
โดยรัฐบาลของ “ลุงตู่” ได้เห็นดีเห็นงาม ให้นำเงินในอนาคตของคุณครู ไม่ว่าจะเป็นเงินที่ให้กับทายาทหรือที่รู้จักกันในนาม “เงินบำเหน็จตกทอด” หรือจะเป็นกองทุนเงินฌาปณกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนและบุคลากรทางการศึกษา หรือเงินช.พ.ค. มาค้ำประกันเงินกู้ เพื่อลดหนี้หรือปิดบัญชีหนี้ที่มีอยู่ในปัจจุบัน
งานนี้... ธนาคารออมสิน น่ะ เค้าเป็นโต้โผใหญ่ และรับเป็นแม่งานไปโดยตรง เพราะบรรดาคุณครู นอกจากจะมีหนี้สารพัดแล้ว ยังเป็นหนี้ธนาคารออมสินอยู่กว่า 4 แสนรายทีเดียว
ส่วนเม็ดเงินที่กู้ยืมไปก็ราว ๆ 4 แสนล้านบาท เช่นกัน แล้วหนี้ก้อนนี้ เป็นที่หนี้ที่สะสมกันมานานหลายปีดีดักกันทีเดียว แถมท่าทาง... ก็ยังไม่มีวี่แววที่จะใช้หนี้คืนกันได้ง่าย ๆ
ด้วยเหตุนี้แหล่ะค่ะ... ธนาคารออมสินจึงรายงานไปที่ครม.ของลุงตู่ ให้รับทราบแนวทางแก้ไขหนี้ก้อนนี้ เพราะหวังว่าวิธีที่นำเสนอไป น่าจะช่วยเหลือครูให้ "ปลดเปลื้อง" หนี้ก้อนมหึมาก้อนนี้ออกไปจากตัวได้บ้าง
แหม!!! เห็นตัวเลขแล้วก็ค่อนข้างน่าตกใจนะคะ เพราะมีคุณครู 4.7 แสนคนทีเดียวนะคะ ที่กู้ยืมเงินจากธนาคารออมสินมาใช้จ่ายสารพัด รวม ๆ กันแล้ว ก็ปาเข้าไปมากถึง 4.74 แสนล้านบาท
ถ้าคิดกันเล่น ๆ เอาเงินหนี้ครูก้อนหนี้มาเปรียบเทียบกับจีดีพีของประเทศ ก็เกือบ ๆ 4% กันทีเดียวนะเนี่ย... ไม่น้อยทีเดียว
เรื่องนี้... ทั้งธนาคารออมสินเอง ทั้งกระทรวงศึกษาธิการ เอง เค้าคงไปนั่งคิด นอนคิด ร่วมกันมาดีแล้วล่ะค่ะ ถึงได้นำเสนอให้ครม.ของลุงตู่ รับทราบ
โดยวิธีการ "ปลดหนี้ครู" รอบนี้ ธนาคารออมสิน ตั้งเงื่อนไขไว้ชัดเจนว่า หากคุณครูคนไหน ต้องการเข้าสู่กระบวนการปลดหนี้ ก็ต้องนำเงินบำเหน็จตกทอด หรือเงินช.พ.ค.มาเป็นหลักประกัน
พูดง่าย ๆ ให้เข้าใจง่าย ๆ ก็ธนาคารออมสินเค้ายอมให้นำเงินอนาคตมาค้ำประกัน เพื่อให้คุณครูผ่อนชำระหนี้เดิม โดยลดดอกเบี้ยให้เหลือ 4% จากเดิมที่เคยเสียดอกอยู่ประมาณ 6-7%
เพราะเวลานี้คุณครูแต่ละคน เป็นหนี้กับธนาคารออมสินก็ตกเฉลี่ยคนละประมาณ 1 ล้านบาท หากคุณครูตกลงปลงใจ ก็เข้าสู่กระบวนการต่อไป
เมื่อหักลบกลบหนี้แล้ว...ก็จะทำให้คุณครู หายใจหายคอคล่องตัวขึ้นในแต่ละเดือน เพราะภาระผ่อนหนี้ในแต่ละเดือนจะลดลงประมาณเดือนละ 2,000-4,000 บาทกันทีเดียว
หากคิดรวม ๆ คิดคร่าว ๆ บรรดาคุณครู ทั้งหลาย ก็จะสามารถลดหนี้ลงได้คนละ 3-6 แสนบาท หรือ หากคิดยอดรวมหนี้ที่ 1 ล้านบาท ก็คงเหลือจ่ายสักครึ่งหนึ่งนั่นแหล่ะค่ะ...
กระบวนการ "ปลดหนี้ครู" ครั้งนี้ไม่ได้หมายความว่า ธนาคารออมสินเค้าใจดี ให้คุณครูกู้ใหม่หรือกู้เพิ่มเติม นะคะ แต่เป็นการแก้หนี้เดิมหรือรีไฟแนนซ์ "หนี้เก่า" เท่านั้น
ต้องยอมรับนะคะว่า "หนี้" เนี่ยะ เป็นเรื่อง "แสลงใจ" ของคนทุกคนนั่นแหล่ะค่ะ ไม่ใช่เพียงแค่ "คุณครู" เท่านั้นหรอก ใครต่อใคร ทั้งรากหญ้า รากแก้ว คนชั้นกลาง หรือบรรดาผู้มีอันจะกิน ก็ไม่อยากเป็นหนี้ใครทั้งนั้นกันล่ะค่ะ
แต่ในเมื่อ เศรษฐกิจไม่อู้ฟู่เหมือนเก่าก่อน ค่าใช้จ่ายก็ทวีคูณเป็นเงาตามตัว รายได้ไม่พอรายจ่าย เชื่อ เถอะ... ทำอย่างไร? ก็แก้หนี้ก้อนนี้ไม่หมด หาก !!! คนเป็นหนี้ไม่รู้จัก บริหารค่าใช้จ่าย หรือประมาณตัวเอง
วิธีการ "ปลดหนี้ครู" ครั้งนี้ แม้ใครหลายคน...อาจไม่ถูกใจ!! ว่าทำไม? ต้องเอาเงินในอนาคตคุณครูมาใช้หนี้ ทำไมไม่ลดหนี้ให้ หรือไม่ลดดอกเบี้ยให้ แล้วก็ไม่ต้องให้กู้ใหม่
หากคิดย้อนกลับ... ก็ต้องมองย้อนถึงเจ้าของเงินด้วยเช่นกัน ที่ต้องหาทาง ต้องบริหารพอร์ต เพื่อให้เห็นช่องทาง ที่จะได้รับเงินคืนกันบ้าง
ก็เอาเถอะค่ะ...ทั้งหลายทั้งปวง หลายฝ่าย คงคิดกันมาเป็นอย่างดีแล้วล่ะค่ะ ที่จะพยายามช่วยเหลือ "คุณครู" แม่พิมพ์ของชาติ ให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
ณ เวลานี้! คงเหลือแต่ตัวของ "คุณครู" เองแล้วล่ะค่ะ..ว่า จะหันมาช่วยเหลือตัวเองอย่างไร?
...................................
คอลัมน์ : เศรษฐกิจจานร้อน
โดย “ช่อชมพู”“
ที่มา คอลัมน์เศรษฐกิจจานร้อน หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2559