สกสค.ให้โอกาสธนาคารพาณิชย์ผู้อนุมัติเบิกถอนเงิน 2,100 ล้านอีกครั้ง ให้คืนเงินพร้อมดอกเบี้ย ก่อนจะเข้าสู่กระบวนการฟ้องร้องจริง "พินิจศักดิ์" ยันคำชี้แจงของแบงก์ยังไม่มีน้ำหนักพอ ย้ำหนังสือตอบกลับคำอนุมัติจาก สกสค.ให้ถอนเงินเป็นสิ่งสำคัญที่ปฏิเสธไม่ได้ ส่วนซื้อหุ้นหนองคายน่าอยู่ 800 ล้าน สูงเกินราคาพาร์ ผิด กม.แพ่ง เร่งดำเนินการ คกก.อนุมัติซื้อ
นายพินิจศักดิ์ สุวรรณรังค์ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (เลขาฯ ก.ค.ศ.) ในฐานะปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (เลขาฯ สกสค.) กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีที่ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) มอบอำนาจให้ สกสค.ไปดำเนินการฟ้องแพ่งธนาคารแห่งหนึ่ง เพื่อขอให้คืนเงินฝากของ สกสค. จำนวน 2,100 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยให้ สกสค. เนื่องจากตรวจสอบพบว่าการอนุมัติเบิกถอนเงินของ สกสค. และการปิดบัญชีไม่ถูกต้องว่า เมื่อเร็วๆ นี้ตนได้ทำหนังสือถึงธนาคารดังกล่าวอีกครั้ง เพื่อยืนยันว่าหนังสือจาก สกสค.ซึ่งถือเป็นเอกสารสำคัญทางราชการ มีส่วนสำคัญในการพิจารณาอนุมัติเบิกถอนเงิน ไม่ใช่แค่ใบเบิกถอนตามที่ธนาคารยืนยันมาเท่านั้น โดยเฉพาะการเบิกถอนเงินจำนวนมากผ่านระบบบาทเนต (BAHT NET) ซึ่งการส่งหนังสือครั้งนั้นถือเป็นการดำเนินการแจ้งธนาคารตามขั้นตอน เพื่อให้ธนาคารมาชำระเงินจำนวน 2,100 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% นับแต่วันที่มีการเบิกถอนเงิน เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ.2556 ภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือ หากทางธนาคารยังไม่ยอมชำระเงินจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ย สกสค.ก็จะดำเนินการฟ้องแพ่งเพื่อเรียกเงินคืนทันที
"ทางธนาคารดังกล่าวส่งหนังสือชี้แจงกลับมายัง สกสค.อีกครั้งหลังจาก สกสค.ทำหนังสือถึง รมว.ศธ.เสนอให้ฟ้องแพ่งเพื่อเรียกเงินคืน แต่การชี้แจงของธนาคารยังเป็นการอธิบายรายละเอียดและขั้นตอนการดำเนินการภายในของธนาคาร พร้อมทั้งยังยืนยันว่าการอนุมัติเบิกถอนเงินและปิดบัญชีของ สกสค.เป็นไปอย่างถูกต้อง ขณะที่เราเองมองว่าการชี้แจงของธนาคารยังมีน้ำหนักไม่เพียงพอ เพราะทางเรายืนยันว่าหนังสือตอบกลับจาก สกสค.มีส่วนสำคัญในการพิจารณาอนุมัติให้เบิกถอนเงินและปิดบัญชี ไม่เช่นนั้นธนาคารเองคงไม่ส่งหนังสือกลับมาสอบถามอีกรอบว่าจะส่งเข้าบัญชีใคร" ปฏิบัติหน้าที่เลขาฯ สกสค.กล่าว
นายพินิจศักดิ์กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สรุปสำนวนคดีกรณีคณะกรรมการกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษและส่งเสริมความมั่นคงตามโครงการสวัสดิการเงินกู้ ช.พ.ค.ของ สกสค. ซื้อหุ้นเพิ่มทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานขยะชุมชนกับบริษัท หนองคายน่าอยู่ จำกัด จำนวน 32 ล้านหุ้น หุ้นละ 25 บาท รวม 800 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าราคาพาร์ เป็นการดำเนินการที่ไม่ถูกต้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เนื่องจากวัตถุประสงค์ของบริษัทตามหนังสือบริคณห์สนธิไม่ได้ให้อำนาจให้บริษัทออกหุ้นที่มีมูลค่ามากกว่าที่ตราไว้ ดังนั้นเงินส่วนเกินจากมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ บริษัทจึงรับไว้ในฐานะลาภมิควรได้ ส่งผลทำให้ สกสค.ได้รับความเสียหายจากการจ่ายเงินค่าหุ้นเกินกว่าที่ตราไว้นั้น ในส่วนของ สกสค.ต้องดำเนินการตามกฎหมายกับอดีตคณะกรรมการกองทุนสนับสนุนพิเศษฯ ที่อนุมัติให้ซื้อหุ้นดังกล่าว และบริษัท หนองคายน่าอยู่ฯ ด้วย เพราะถือเป็นผู้ได้รับความเสียหายโดยตรง ทั้งนี้ นโยบายของ รมว.ศธ.ไม่ได้ต้องการเอาผิดกับใคร เพียงแต่ต้องการเรียกเงินที่เสียไปทั้งหมดพร้อมดอกเบี้ยคืนให้ครู เพราะเป็นเงินของครู โดยเงินที่เรียกคืนคงไม่ใช่แค่ 800 ล้านบาทที่นำไปซื้อหุ้นเท่านั้น แต่ต้องนับรวมดอกเบี้ยนับตั้งแต่ที่มีการซื้อขายหุ้นเข้าไปด้วย.
ที่มา ไทยโพสต์ วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2559