"ไพรัตน์"แจง มรภ.ชัยภูมิ ไม่ได้ไล่อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ออก แต่หมดสัญญา เผยเหตุไม่จ้างต่อ เพราะจำนวนนักศึกษาลดลงมาก ครวญเป็นมหาวิทยาลัยที่ได้งบฯน้อยที่สุดในประเทศ
วันนี้(10 ก.พ.)ผศ.ดร.ไพรัตน์ แก้วสาร รักษาการอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฎ(มรภ.)ชัยภูมิ ชี้แจงกรณีอาจารย์และบุคลากร คณะรัฐศาสตร์ มรภ.ชัยภูมิ 12 คน ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ ว่าถูกไล่ออกโดยไม่เป็นธรรม ว่า มหาวิทยาลัยไม่ได้ไล่อาจารย์และบุคลากรดังกล่าวออก แต่เป็นการหมดสัญญาจ้าง ซึ่งเป็นการจ้างปีต่อปี และทุกคนก็ทราบเงื่อนไขนี้มาตั้งแต่ต้น ส่วนเหตุผลที่ไม่ต่อสัญญาจ้าง เนื่องจากทางคณะรัฐศาสตร์แจ้งว่าขณะนี้จำนวนนักศึกษาลดลงมาก และการไม่ต่อสัญญาก็ไม่มีผลกระทบต่อคุณภาพการเรียนการสอน เพราะบางสาขามีนักศึกษาเหลือเพียง 4 คน และกรมการปกครองส่วนท้องถิ่นไม่ได้ส่งบุคลากรมาเรียนแล้ว ซึ่งส่งผลให้อาจต้องปิดการเรียนการสอนในบางสาขาด้วย ดังนั้น จึงจำเป็นต้องลดจำนวนบุคลากรของคณะลง เพื่อลดค่าใช้จ่าย ทั้งนี้ ตนยืนยันว่าไม่ได้มีปัญหาการเมืองภายในมหาวิทยาลัยแต่อย่างใด
ผศ.ดร.ไพรัตน์ กล่าวต่อไปว่า บุคลากรของมหาวิทยาลัยที่หมดสัญญาจ้างในปี 2558 มีจำนวน 154 คน จาก 8 คณะ และขณะนี้อยู่ระหว่างให้คณะต่างๆแจ้งความประสงค์ว่ามีความจำเป็นต้องต่อ สัญญาหรือไม่ โดยดูความจำเป็นและภาระงานของคณะเป็นหลัก อย่างไรก็ตามการที่มหาวิทยาลัยไม่ต่อสัญญาจ้างบุคลากร ก็ทำไปตามนโยบายของสภามหาวิทยาลัยที่กำหนดว่าหากคณะไหนจำนวนนักศึกษาลดลง และมีภาระค่าใช้จ่ายสูง ต้องลดค่าใช้จ่ายลง เพื่อให้มหาวิทยาลัยอยู่ได้ และหากไม่ต่อสัญญาจ้างต้องแจ้งบุคลากรล่วงหน้า เพื่อให้ได้เตรียมตัว และถ้าเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมก็สามารถร้องเรียนได้ ในส่วนของบุคลากรคณะรัฐศาสตร์ได้ร้องเรียนมาเช่นกัน โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาของสภามหาวิทยาลัย
“จำนวนนักศึกษาในภาพรวมของมหาวิทยาลัยลดลงมาก โดยปีการศึกษา 2558 ตั้งเป้าหมายรับนักศึกษา 3,400 คน แต่รับได้เพียง 1,700 คน ส่วนปีการศึกษา 2559 มีแผนรับ 2,000- 2,500 คน ซึ่งต้องเร่งประชาสัมพันธ์ไปยังโรงเรียน และให้โควตาเข้าเรียนโดยไม่ต้องสอบ นอกจากนี้งบประมาณที่ มรภ.ชัยภูมิได้รับก็ถือว่าน้อยที่สุดในประเทศ โดยปีงบฯ 2559 ขอไป 1,000 ล้านบาท แต่ได้เพียง 261 ล้านบาท จะพึ่งรายได้จากค่าหน่วยกิตของนักศึกษาก็ไม่ได้ เพราะส่วนใหญ่ยากจน" ผศ.ดร.ไพรัตน์ กล่าว.
ที่มา หนังสือพิม์เดลินิวส์ วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2559