เมื่อเร็วๆ นี้ นายชัยยศ อิ่มสุวรรณ์ รองปลัด ศธ. ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการคุรุสภา ได้เปิดเผยว่า ขณะนี้คุรุสภามีการบ้านที่ต้องทำ 3 เรื่อง เพื่อเสนอ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศธ. คือ
1.เรื่องการรับรองปริญญา โดยคุรุสภาจะรองรับหลักสูตรจากสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ที่ผ่านมามีความล่าช้าในขั้นตอนการดำเนินการเปิดหลักสูตรคุรุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์ของแต่ละมหาวิทยาลัย ที่ต้องผ่านการรับรองจากสภามหาวิทยาลัย แล้วจึงส่งเรื่องมาให้ สกอ. และส่งต่อให้คุรุสภาตั้งคณะทำงานออกไปดูหลักสูตรว่ามีความพร้อมและตรงกับมาตรฐานวิชาชีพหรือไม่ ส่งผลให้มีการเปิดสอนก่อนที่หลักสูตรจะได้รับการรับรอง รวมถึงรับผู้เรียนเกินกว่าที่จออนุมัติ ทำให้คุรุสภาต้องมีปัญหากับมหาวิทยาลัย ดังนั้น นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมช.ศธ. จึงเสนอให้มีการปรับปรุงเรื่องการรับรองปริญญาหลักสูตรทางการศึกษา โดยสภามหาวิทยาลัยต้องตกลงกับสภาวิชาชีพคือคุรุสภาก่อนที่จะอนุมัติหลักสูตร เพื่อให้คุรุสภาให้คำแนะนำและยืนยันการอนุมัติให้เปิดสอนได้ คุรุสภาจะไม่ไปไล่จับเหมือนที่ผ่านมา
2.การลดขั้นตอนให้ใบประกอบวิชาชีพครู เพื่อแก้ปัญหาโรงเรียนที่ต้องการได้ครูเก่งมาสอน เช่น สถานศึกษาอาชีวศึกษาต้องการครูช่างสิบหมู่ซึ่งกำลังจะสูญหายไม่มีใครสืบต่อ หรือตำรวจตระเวนชายแดนที่เป็นครูสอนเด็กในโรงเรียน ตชด. แต่ไม่มีใบอนุญาตครู เป็นต้น คุรุสภาก็จะออกใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเฉพาะให้
3.การต่ออายุใบประกอบวิชาชีพครู ซึ่ง รมว.ศธ.มอบให้คุรุสภาไปศึกษาว่าควรต้องต่ออายุหรือไม่ เรื่องนี้ได้ข้อสรุปว่าควรต้องมีการต่ออายุใบอนุญาตฯ เพื่อสะท้อนว่าครูคนนั้นมีการพัฒนาตนเองหรือไม่ เมื่อได้รับใบอนุญาตฯ ซึ่งมีอายุ 5 ปี ครูจะต้องทำแฟ้มสะสมผลงาน เพื่อมาแสดงประกอบการต่ออายุอีก 5 ปี โดยครูก็ยังต้องเก็บสะสมผลงานต่อไป เมื่อถึงปีที่ 11 ก็ให้ต่ออายุอีกครั้ง แต่เป็นการต่อแบบตลอดชีพ และถ้าครูผิดจรรยาบรรณร้ายแรงก็ถอนใบอนุญาตฯ ได้ kroobannok.com
ส่วนกรณีผู้บริหารการศึกษาต้องถือใบอนุญาตฯ 3 ใบ คือ ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพผู้บริหารสถานศึกษา และใบอนุญาตประกอบวิชาชีพผู้บริหารการศึกษา ได้อธิบายให้ รมว.ศธ.ฟังแล้วว่าให้ลดเหลือใบเดียว หมายถึงขณะนั้นมีตำแหน่งอะไรให้ถือใบอนุญาตใบนั้นเป็นหลัก เพื่อลดภาระไม่ต้องเสียเงินค่าต่อใบอนุญาตหลายใบ.
ที่มา ไทยโพสต์ วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2559