ประธานคณะทำงานศธ. เคยให้นั่งที่ปรึกษาอตก. รธน.ต่อท่ออำนาจม.44
ผู้ร่วมขบวนการ ปธ.คณะทำงาน รมว.ศธ. ยอมรับเคยตั้งเป็นที่ปรึกษาสมัยนั่งเป็น ผอ.อ.ต.ก.จริง แต่มีคำสั่งปลดไปแล้วเพราะพบพฤติกรรมไม่เหมาะสม ผู้เสียหายแฉ “เสธ.หนึ่ง-เสธ.เปี๊ยก” ดาวไถ อ้างเป็นตัวจักรสำคัญใน คสช. แถมยังโยงไปถึง 2 รัฐมนตรีด้วย “บิ๊กป้อม” ลั่น “มันไปอ้างเอง มันอ้างส่งเดช” สั่งตำรวจล่าตัว บ่นอยู่มา 2 รัฐบาลไม่เคยแตะเงินซักบาท “ดาว์พงษ์” ปัดไม่รู้จัก “เดชจรัส” แต่ขอนึกก่อนรู้จัก “เสธ.เปี๊ยก” หรือไม่ ขู่ฟ้องคนทำให้เสียหาย “ปนัดดา” งงมีชื่อเข้าไปเอี่ยวได้ไง “มีชัย” พร้อมเปิดร่าง รธน.รวม 27 มาตรา ส่อขยับโรดแม็ปไปเลือกตั้งปลายปี 60 “วิษณุ” เชื่อ กรธ.เหยียบคันเร่งเร็วขึ้นได้ “อำนวย” ไขก๊อกพ้นกุนซือ “สุขุมพันธุ์”
จากกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายก-รัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. เผยว่า มีด็อกเตอร์คนหนึ่งแอบอ้างชื่อนายกฯและรองนายกฯ ไปหากินในโครงการของรัฐบาล ล่าสุด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้สั่งให้ตำรวจล่าตัวพวกเอาชื่อไปแอบอ้างหาผลประโยชน์ เพราะทำให้เสื่อมเสียแล้ว
“บิ๊กป้อม” รับมีพวกแอบอ้างชื่อหากิน
เมื่อเวลา 09.45 น. วันที่ 28 ม.ค. ที่กระทรวง กลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษา ความสงบแห่งชาติ (คสช.) ระบุว่า มีด็อกเตอร์คนหนึ่งแอบอ้างชื่อนายกฯและรองนายกฯ ไปหาผลประโยชน์ในโครงการต่างๆของรัฐบาล ว่า คนที่แอบอ้างนั้นมีตลอด ตนพูดมานานแล้ว ไม่ใช่เฉพาะแค่ด็อกเตอร์ แต่ยังมีคนอื่นด้วย โดยอ้างชื่อตนว่าจะดำเนินการโครงการใหม่ๆ ที่ได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลแล้ว ขอปฏิเสธว่ายังไม่มีโครงการใด เพราะโครงการที่ดูแลอยู่ในส่วนของกระทรวงกลาโหม มีผู้บัญชาการเหล่าทัพดำเนินการ ทุกเรื่องที่ต้องผ่านขั้นตอนกระบวนการของสำนักนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะเรื่องการจัดซื้อจัดหาที่มีการอนุมัติตามขั้นตอน ไม่ใช่ว่าตนจะไปริเริ่มโครงการเองได้
ลั่น “มันไปอ้างเอง มันอ้างส่งเดช”
“ที่มีการแอบอ้างชื่อผมเพราะต้องการหาเรื่องผม จะไปเชื่อกันทำไม พออ้างแล้วก็ทำให้เกิดความเสียหาย อยากบอกว่าไม่มีหรอกที่ผมและนายกฯจะไปดำเนินการว่าพบผมและนายกฯแล้ว มันไม่มี เรื่องพวกนี้ทำให้เกิดความเสียหาย และทำให้การเดินหน้าต่อไปลำบาก เหมือนโดนเตะตัดขาอยู่เรื่อย เสี้ยมให้คนเกลียดกัน ดังนั้น ผู้สื่อข่าวมีความสำคัญต้องช่วยผมด้วย ไม่มีหรอกที่ผมจะไปทะเลาะกับใคร แล้วใครจะมาทะเลาะกับผม โดยเฉพาะทหารด้วยกันนั้น ไม่มี มันไปอ้างเอง มันอ้างส่งเดช” พล.อ.ประวิตรกล่าว
กวักมือขอข้อมูล-สั่ง ตร.ล่าตัวให้ได้
พล.อ.ประวิตรกล่าวต่อว่า การทำงานต้องขับเคลื่อนให้การดำเนินการมีความโปร่งใส รวดเร็ว ขณะนี้เราต้องการวางพื้นฐานทุกเรื่อง โดยเฉพาะโครงสร้างขั้นพื้นฐานช่วยเหลือประชาชนให้มีความเป็นอยู่ที่ดี สามารถอยู่ด้วยตนเองได้ในทุกสถานการณ์ เพราะประเทศเราเป็นประเทศกสิกรรม ต้องดูแลพืชผลการเกษตรที่มีปัญหาน้ำแล้งอยู่ ซึ่งกระทรวงเกษตรฯทำงานหนักอยู่แล้ว เมื่อถามว่า คนที่อ้างเป็นคนในกลุ่มการเมืองหรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า ไม่ทราบ นายกฯดูมาจากโทรทัศน์ว่ามีการพูดถึงการคอร์รัปชันโดยอ้างชื่อตนและนายกฯ แต่เชื่อว่ามีหลายคนทำให้เกิดความเสียหาย หน่วยงานอื่นก็ไปเชื่อเพราะไม่รู้ หากมีการอ้างหรือมีข้อมูลเรื่องการทุจริต ขอให้ส่งข้อมูลมาให้ตนหรือนายกฯ สำหรับคนที่อ้างขอฝากเจ้าหน้าที่ตำรวจไปจับมา
อยู่มา 2 รัฐบาลไม่เคยแตะเงินสักบาท
รองนายกฯกล่าวอีกว่า เรื่องนี้กวนใจมาก เพราะได้รับมอบหมายจากนายกฯให้ดูแลงานต่างๆ หลายเรื่อง เราตั้งใจทำให้เกิดความโปร่งใส แต่ยังมีบางกลุ่มหรือบางพวกไม่ต้องการให้เดินไปข้างหน้าด้วยการโจมตีตน เขียนเรื่องส่งไปให้นายกฯกล่าวหาว่าตนตั้งโครงการใหม่ๆ เพื่อต้องการร่ำรวย ที่ผ่านมา ทำงานมา 2 รัฐบาลแล้วไม่เคยแตะเงินสักบาท เมื่อถามว่า สรุปว่าด็อกเตอร์คนนั้นคือใคร พล.อ.ประวิตรตอบว่า กำลังดูอยู่ เมื่อถามย้ำว่าเกรงว่าเรื่องนี้จะทำให้เกิดคลื่นใต้น้ำหรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า ไม่มี ที่มาอ้างกันก็เพื่อผลประโยชน์ทั้งนั้น
เปิดรายการแฉ “เสธ.หนึ่ง-เสธ.เปี๊ยก”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมา มีการเผยแพร่คลิปรายการ “คนค้นธรรม” ตอนขอความเป็นธรรมข้าราชการชั้นผู้ใหญ่เรียกรับทรัพย์ ผ่านทางยูทูบและช่อง WBTVwatyan-nawa โดยทางรายการได้สัมภาษณ์ผู้เสียหายรายหนึ่งซึ่งเป็นนักธุรกิจในวงการค้าข้าว และสัมภาษณ์ 1 ในทีมงานของขบวนการหลอกลวง ที่มี “เสธ.เปี๊ยก” และ “เสธ.หนึ่ง” เป็นตัวละครสำคัญที่ไปเรียกรับผลประโยชน์ โดยผู้เสียหายระบุว่า มีเพื่อนในวงการแนะนำให้รู้จักกับ “เสธ.หนึ่ง” “เสธ.เปี๊ยก” อ้างเป็นตัวจักรสำคัญใน คสช. จะสามารถช่วยนำข้าวเสื่อมสภาพออกมาให้ได้ จากนั้นก็ถูกเรียกรับเงินเรื่อยมา จนทำให้มีความเสียหายประมาณ 5 ล้านบาท อาทิ เรียกรับสิ่งของมีค่าอื่น เช่น สร้อยทอง 3 บาท พร้อมพระเครื่อง 3 ชุด มูลค่าประมาณ 9 แสนบาท ปลาสวยงาม มูลค่า 1.5 แสนบาท รวมทั้งเงินสดอีกจำนวนหนึ่ง
แถมยังอ้างไปถึง 2 รัฐมนตรีด้วย
โดยผู้เสียหายคนดังกล่าวยังอ้างด้วยว่า “เสธ.หนึ่ง” ยังได้กล่าวอ้างถึงรัฐมนตรี 2 คน จะสามารถวิ่งเต้นงบประมาณท้องถิ่นให้ได้ รวมถึงเรื่องการจัดซื้อซีซีทีวีในพื้นที่ภาคใต้วงเงิน 100-200 ล้านบาท ขณะที่ผู้ร่วมทีมงานของ “เสธ.หนึ่ง” ระบุว่า “เสธ.หนึ่ง” ได้ให้ตนนำผู้เสียหายไปพบกับด็อกเตอร์รายหนึ่ง ระบุว่า เป็นที่ปรึกษา ผอ.อ.ต.ก. ทำให้ผู้เสียหายไว้เนื้อเชื่อใจมากขึ้น แต่ในที่สุดเมื่อเห็นผู้เสียหายเสียเงินจำนวนมาก จึงกลับใจและให้การช่วยเหลือ
“ดาว์พงษ์” ขู่ฟ้องคนทำให้เสียหาย
ที่กระทรวงศึกษาธิการ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวยืนยันว่า พ.อ.จีระศักดิ์ จันทร์อวยชัย หรือ “เสธ.เปี๊ยก” และนายเดชจรัส ชาญวิรัตน์ ไม่ได้เป็นทีมงานหรือหน้าห้องตน และไม่เคยมอบหมายให้มาช่วยงานใดๆทั้งสิ้น ไม่รู้จักนายเดชจรัสเป็นการส่วนตัว ขณะที่ “เสธ.เปี๊ยก” ยังไม่กล้าบอกว่ารู้จักหรือไม่ เพราะยังไม่แน่ใจ เนื่องจากเป็นนายทหารรุ่นน้องอาจจะรู้จัก ทหารมีความผูกพันในฐานะรุ่นพี่รุ่นน้อง จึงยังไม่กล้าปฏิเสธ ยังนึกหน้าไม่ออกว่าหน้าตาเป็นอย่างไร ถ้าเห็นหน้าอาจจะร้องอ๋อว่าคนนี้เคยเจอก็ได้ พล.อ.ดาว์พงษ์กล่าวพร้อมถามหารูป “เสธ.เปี๊ยก” กับผู้สื่อข่าว และสอบถามว่า ตอนนี้ได้ตัว “เสธ.เปี๊ยก” มาหรือยัง ก่อนบอกว่า ถ้าตำรวจจับมาก็คงดำเนินการไปตามกฎหมาย ตนไม่ห่วงอะไร ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าเอาชื่อไปแอบอ้างอย่างไร ถ้าเกิดมาก้าวล่วงหรือแอบอ้างเอาชื่อตนไปหากินเป็นเรื่องเป็นราว ทำให้เกิดความเสียหายจะฟ้องดำเนินคดีแน่นอน
ปัดกระแสเป็นหนึ่งใน รมต.ที่ถูกปรับ
พล.อ.ดาว์พงษ์ยังกล่าวถึงกระแสข่าวจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี หลังรัฐบาลและ คสช. ประเมินแล้วพบว่าการบริหารงานไม่เป็นที่ประทับใจประชาชน ไม่เป็นไปตามที่รัฐบาลมอบหมาย โดยกระทรวงที่จะถูกปรับมี 4 กระทรวง คือ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงยุติธรรม และกระทรวงคมนาคมว่า กระแสข่าวว่าตนจะถูกปรับไปนั่ง รมว.คมนาคม คงตอบไม่ได้ ใครเป็นคนให้ข่าวก็ไปถามคนนั้น นายกฯไม่ได้ส่งสัญญาณอะไร ตนคุยกับนายกฯทุกวัน และคุยแต่เรื่องการศึกษา พร้อมถามกลับผู้สื่อข่าวว่า เชื่อหรือไม่กับกระแสข่าวนี้ ลองดูตรรกะเอาเองว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่
ปธ.คณะทำงานโชว์คำสั่งเด้งไปแล้ว
ด้านนายธเนศพล ธนบุณยวัฒน์ ประธานคณะทำงาน รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ยอมรับว่ารู้จักกับ พ.อ.จีระศักดิ์และนายเดชจรัส เพราะเคยตั้งทั้ง 2 คนเป็นที่ปรึกษาผู้อำนวยการองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) สมัยที่ตนดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ อ.ต.ก. แต่ได้มีคำสั่งให้พ้นจากการปฏิบัติงานในตำแหน่งดังกล่าว ตั้งแต่เดือน มิ.ย.2557 เนื่องจากพบว่ามีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม หลังจากปลดจากตำแหน่งแล้วก็ไม่เคยพูดคุยหรือเกี่ยวข้องกันอีก ผู้สื่อข่าวถามว่า พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมคือการเรียกรับผลประโยชน์หรือไม่ นายธเนศพลตอบว่า ไม่อยากพูดเช่นนั้น เอาเป็นว่าเมื่อมีการทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องและเป็นความผิด ก็ต้องทำให้เกิดความโปร่งใสและชัดเจนที่สุด ยืนยันว่าทั้ง 2 คนไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวกับ รมว.ศึกษาธิการ และไม่ได้เป็นคณะทำงานหรือหน้าห้อง แต่เป็นการแอบอ้าง จากนั้นนายธเนศพลได้ให้คนไปนำสำเนาคำสั่งปลด พ.อ.จีระศักดิ์และนายเดชจรัสมาโชว์ให้ผู้สื่อข่าวดู
“ปนัดดา” งงมีชื่อเข้าไปเอี่ยวได้ไง
ด้าน ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีคนเล่าเรื่องที่ตนถูกแอบอ้างชื่อให้ฟังแล้ว ยืนยันว่าไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ และไม่เคยได้รับปลาสวยงาม ยังงงว่ามีชื่อตนได้อย่างไร
ที่มา+อ่านเพิ่มเติมทั้งหมดได้ที่ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ วันที่ 29 มกราคม 2559