“ดาว์พงษ์” ชี้พ่อแม่ยังหวั่นลดเวลาเรียนทำเด็กไม่มีความรู้ไปสอบโอเน็ต เผย สทศ. ยืนยันแล้วว่า จำนวนชั่วโมงในห้องเรียนที่ลดลง เพียงพอกับการสอนให้เด็กนำความรู้มาสอบได้ รอลุ้นผลสอบโอเน็ต ก.พ.นี้ ขึ้นหรือลง มั่นใจ 2-3 ปีข้างหน้าเห็นผลดีแน่
วันนี้ (28 ม.ค.) ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์เพื่อการศึกษา (อีทีวี) พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังชี้แจงนโยบาย“ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” กับการทดสอบแบบทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (โอเน็ต) ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องได้รับทราบผ่านรายการสดทางอีทีวี ว่า หลังจากที่ดำเนินนโยบายลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ มาได้ประมาณ 2 เดือน เราพบปัญหาว่าผู้ปกครองส่วนใหญ่มีความกังวลค่อนข้างมากว่า เมื่อลดเวลาเรียนในห้องเรียนแล้ว บุตรหลานจะมีความรู้เพียงพอที่จะไปสอบหรือไม่ โดยเฉพาะการสอบโอเน็ต ซึ่งประเด็นนี้ไม่ได้เกินความคาดหมาย เพราะคิดไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าผู้ปกครองต้องกังวลเรื่องนี้แน่นอน
“ผมอยากให้ผู้ปกครองสบายใจ และไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ เพราะครูทุกคนทราบดีว่า มีเนื้อหาอะไรบ้างที่จะเป็นความรู้ที่ต้องนำมาใช้สอบ ซึ่งผมก็เน้นย้ำให้ครูสอนให้เต็มที่ในห้องเรียน ส่วนสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) ก็ต้องมั่นคงในเนื้อหาที่จะออกสอบ และระบุให้ชัดเจนว่าจะออกอย่างไร เพื่อให้ครูเข้าใจ และสอนได้ตรงกับสิ่งที่เด็กต้องรู้ในแต่ละช่วงชั้น อย่างไรก็ตามก่อนหน้าที่จะดำเนินนโยบายนี้ ผมได้หารือกับ สทศ. แล้วว่าการลดเวลาเรียน จะมีผลกระทบกับเด็กที่จะสอบโอเน็ตหรือไม่ ซึ่ง สทศ. ยืนยันแล้วว่า จำนวนชั่วโมงเรียนในห้องเรียนที่ลดลง เพียงพอกับการสอนเนื้อหาวิชาหลักที่เด็กจะนำความรู้มาใช้สอบได้” รมว.ศึกษาธิการ กล่าว
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า การสอบโอเน็ต ปีการศึกษา 2558 จะจัดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ซึ่งตนเฝ้ารอผลสอบอยู่ว่า คะแนนโอเน็ตของนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการทั้ง 3,831 โรงเรียนจะเป็นอย่างไร แต่คงจะบ่งชี้อะไรไม่ได้มากนัก เพราะเพิ่งเริ่มโครงการ แต่อาจทำให้เห็นอะไรบางอย่าง และระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือนคะแนนคงโดดขึ้นไม่ได้ แต่ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้านี้ต้องเห็นผลที่ดีขึ้นแน่นอน โดยเด็กจะมีการคิดวิเคราะห์ที่ดีมากขึ้นด้วย.
ที่มา หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 28 มกราคม 2559