ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


Advertisement

ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมข่าวการศึกษา  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

"ดาว์พงษ์"รุกคืบขั้นที่ 2 ลดวิชาการเด็ก ป.1 มุ่งสู่ปฏิรูปเต็มสูบ


ข่าวการศึกษา 11 ม.ค. 2559 เวลา 08:34 น.

7,984

views
Advertisement

"ดาว์พงษ์"รุกคืบขั้นที่ 2 ลดวิชาการเด็ก ป.1 มุ่งสู่ปฏิรูปเต็มสูบ

เรื่องการศึกษาถือว่าเป็นปัญหาหนึ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ความสนใจมาก เพราะถือเป็นฐานของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เพื่อขับเคลื่อนประเทศในอนาคต และในยุค พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) ก็ถือว่าต้องรับบทหนักไม่น้อย เพราะเหลือเวลาอีกไม่มากที่รัฐบาล คสช.จะบริหารประเทศ ดังนั้นการผลักดันเรื่องการปฏิรูปการศึกษาจึงต้องดำเนินการอย่างเข้มข้น เพื่อให้แล้วเสร็จก่อนจะเลือกตั้งในปี 2560 และเพื่อจะส่งไม้ต่อให้รัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งดำเนินงานต่อได้ทันที

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีแผนจากการระดมความคิดกูรูด้านการศึกษาจากสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) มาแล้ว แต่การขับเคลื่อนเพื่อให้เห็นรูปธรรมของการปฏิรูป เชื่อว่ายังต้องมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่กระทรวงศึกษาธิการจะต้องดำเนินการรุกคืบไปข้างหน้า และในฐานะผู้นำ พล.อ.ดาว์พงษ์ก็ต้องพยายามที่จะเร่งรัดบริหารจัดการเรื่องต่างๆ ที่เป็นการเปลี่ยนแปลงไปสู่การปฏิรูป

ในโอกาสนี้ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศธ.ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษ โดยกล่าวว่า การปฏิรูปการศึกษาจะต้อง โดยปรับปรุงจาก พ.ร.บ.การศึกษา พ.ศ. 2542 และในบางเรื่องที่มีความสำคัญและต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนก็จะใช้มาตรา 44 เข้ามาช่วย

ทั้งนี้ ส่วนหลักของการศึกษาก็คือ ครูและเด็ก เห็นว่าครูเป็นส่วนสำคัญของการศึกษา และต้องให้ความสำคัญกับการผลิตครู ไม่ว่าเป็นเรื่องความรู้ความสามารถ เรื่องเทคนิคการสอนในแต่ละวิชา ซึ่งจะมีความแตกต่างกันในแต่ละช่วงชั้นด้วย ซึ่งตนก็ได้ให้นโยบายไปกับกลุ่มมหาวิทยาลัยราชภัฏแล้วว่าต้องสร้างจุดแข็งในด้านการผลิตครู ทั้งนี้ทางกลุ่มมหาวิทยาลัยราชภัฏก็รับทราบในนโยบาย แต่อย่างไรก็ดีการทำเรื่องต่างๆ ในมหาวิทยาลัยไม่ใช่ว่าตนสั่งแล้วอธิการบดีรับไปทำได้เลย หากว่าแต่ละเรื่องที่มหาวิทยาลัยจะดำเนินการจำเป็นต้องผ่านมติของสภามหาวิทยาลัยและ พ.ร.บ.ของตนเองเสียก่อน และในหลายมหาวิทยาลัยก็มีหลักสูตรการสอนเรื่องเทคนิคอยู่บ้าง และเราก็ต้องยอมรับว่าเรื่องเทคนิคการสอนนั้นเป็นเรื่องที่เกิดจากความเข้าใจและถ่ายทอดการสอนของครูแต่ละคน เป็นความสามารถเฉพาะตัว ซึ่งยากแก่การสอนหรือถ่ายทอดให้ผู้อื่น

ในปัญหาเรื่องสร้างครูรุ่นใหม่ พล.อ.ดาว์พงษ์กล่าวว่า ตนได้รับนโยบายสมัย พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกรัฐมนตรี อดีต รมว.ศธ. เรื่องโครงการครูผู้ทรงคุณค่าต่อแผ่นดิน ที่จ้างครูเกษียณอายุและมีความสามารถกลับมาสอนในสาขาที่ขาดครู และโครงการผลิตครูเพื่อพัฒนาท้องถิ่น (โครงการคุรุทายาท) ที่จะผลิตครูที่มีคุณภาพได้ตรงตามพื้นที่ มาดำเนินการต่อ นอกจากนี้ยังมีโครงการซ่อมบ้านพักครูทั่วประเทศ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ครูอีกด้วย

ผลงานเด่นของ พล.อ.ดาว์พงษ์ขณะนี้ก็คือ นโยบาย "ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้" แต่ขณะเดียวกันเรื่องของ "หลักสูตร" เป็นอีกสิ่งสำคัญที่ รมว.ศธ.บอกว่าจะต้องพัฒนาปรับปรุงด้วยเช่นกัน ซึ่งขณะนี้ตนเองได้มีการตั้งคณะกรรมการเพื่อดำเนินการในส่วนของการศึกษาขั้นพื้นฐานแล้วถึง 3 ชุดด้วยกัน โดยได้มอบนโยบายให้คณะทำงานไปศึกษาว่าเด็กประถมจำเป็นต้องเรียนทั้ง 8 กลุ่มสาระหรือไม่ หรืออาจจะเรียนเพียง 5 กลุ่มสาระ และเพิ่มกลุ่มสาระตามระดับชั้นเรียน ซึ่งการปรับในลักษณะนี้จะสอดรับกับโครงการลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ เพราะไม่ได้เป็นการปรับการเรียนหรือเนื้อหาในวิชาหลักลง แต่ปรับลดในส่วนที่โรงเรียนเรียนเสริมมาเท่านั้น โดยคิดว่าหลักสูตรใหม่จะสามารถนำไปใช้ทดลองในเทอมที่ 2 ของปีการศึกษา 2559

ในส่วนของอาชีวศึกษาที่ทำหน้าที่ผลิตกำลังคนเพื่อตอบสนองความต้องการของประเทศ และช่วยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจนั้น ขณะนี้สิ่งที่ต้องทำคือ การผลิตคนให้เร็วและตรงกับความต้องการมากที่สุด ทาง ศธ.จึงร่วมมือกับภาคเอกชน ตั้งคณะกรรมการยกระดับวิชาชีพ และคณะกรรมการยกระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานและพัฒนาผู้นำ ซึ่งจะเข้ามาช่วยขับเคลื่อนเรื่องการผลิตกำลังคนให้ตรงสายงาน และเร็วขึ้นแน่นอน เพราะการปรับหลักสูตรในแต่ละครั้งเราต้องมองยาวไปว่าเมื่อเด็กจบหลักสูตรจะสามารถศึกษาต่อได้หรือไม่ เรียนต่อในสาขาอะไร สาขาเหล่านั้นจะสามารถต่อสู้กับต่างประเทศได้หรือไม่ ทำให้ต้องมีการบูรณาการเรื่องหลักสูตรของทุกองค์กรหลักเข้าด้วยกัน

สำหรับการปฏิรูประบบบริหารจัดการภายใน ศธ. พล.อ.ดาว์พงษ์กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้สั่งว่าจะทำอะไรก็ตาม ต้องไม่เป็นการสร้างปัญหาใหม่ แต่อย่างที่รู้กันว่า การปรับโครงสร้างใหม่จะต้องเกิดปัญหาแน่นอน อย่างนั้นตนไม่ทำได้หรือไม่ ก็ไม่ได้ เพราะโครงสร้างของ ศธ.เป็นปัญหาหลักในการบริหารในปัจจุบัน

"เมื่อผมรู้แล้วว่าการปรับโครงสร้างจะต้องเกิดปัญหา ก็ต้องลงไปดูว่ามีปัญหาอะไรบ้างที่คิดว่าจะเกิดขึ้น เมื่อปรับแล้วผมก็ต้องไปแก้ปัญหาตรงนั้นไว้ล่วงหน้าด้วย ทำให้การปรับโครงสร้างจะต้องดูกันอย่างละเอียด และต้องยอมรับว่ากระทรวงศึกษาฯ มีปัญหาสะสมอยู่พอสมควร และการปรับในทุกๆ เรื่องผมขอยืนยันว่าไม่ใช่สิ่งที่ผมคิดเอง แต่แนวคิดแนวทางการปฏิรูปมาจากคนในกระทรวงที่ประสบปัญหาและต้องการการแก้ไข แต่ก็จะทำให้ทันทีไม่ได้เช่นกัน ต้องมีการฟังเสียงจากนักวิชาการและความต้องการของสังคมด้วย แต่อยากสร้างความเข้าใจว่า การปรับโครงสร้างนั้นไม่ได้แปลว่าทุกที่จะมีปัญหาทั้งหมด บางที่ก็มีดีอยู่แล้วแต่อาจจะดีไม่พอในสถานการณ์นี้ กับการแข่งขันในทุกวันนี้ จึงต้องมีการปรับให้ดีขึ้นไปอีก ทำให้ต้องมาดูที่ระบบและบุคลากรว่าตรงไหนที่ทำให้ติดขัดในเรื่องอะไร และทลายให้สามารถทะลุและเดินไปอย่างราบรื่นได้"

พล.อ.ดาว์พงษ์ยอมรับว่า เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างก็จะมีทั้งผู้ที่ได้ประโยชน์และเสียประโยชน์ ทำให้ต้องบริหารให้พอดี ไม่ใช่อยากจะปรับก็ปรับ แต่ต้องบริหารคนด้วย ดังนั้นถ้าจะปรับเปลี่ยนโครงสร้างคงต้องมีคำอธิบายที่ชัดเจน ทำความเข้าใจกับทั้งคนในกระทรวงและสังคมภายนอก เราจึงไม่สามารถประกาศได้ว่าจะปรับวันไหน เมื่อไร หรือจะยุบหรือไม่ยุบหน่วยงานใด จะต้องมีเหตุผลรับรองในทุกเรื่อง ถ้าจะยุบก็ต้องไปดูว่าทำไมหน่วยงานนั้นถึงเกิดมา เกิดมาเพื่ออะไร และถ้าหากจะยุบจริงๆ ก็ต้องมีเหตุผลมาหักล้างให้ได้

"และผมจะไม่ปรับการบริหารเฉพาะใน ศธ.เท่านั้น ตอนนี้ผมกำลังหาเส้นขอบเขตการกระจายอำนาจที่เหมาะสม เพราะนโยบายของเรามุ่งสู่การกระจายอำนาจอยู่แล้ว กระทรวงเรามีปัญหาเรื่องการบริหารงานบุคคล ที่จากส่วนกลางนำไปสู่ภูมิภาคยังไม่มีประสิทธิภาพพอ แต่ในส่วนของการ กระจายอำนาจก็ต้องมีการศึกษาว่าจะทำอย่างไร จะต้องทำแค่ไหน หรือจะต้องกระจายให้เฉพาะใคร สำหรับตัวผมเองเห็นด้วยจริงๆ ถ้าเมื่อไรที่มีการ กระจายอำนาจ ศธ.จะเป็นเพียงผู้อำนวยความสะดวก ที่เหลือจะให้โรงเรียนแข็งขันกันเอง พัฒนากันเอง แต่ในทางปฏิบัติจริงจะสามารถเดินไปถึงตรงนั้นจริงหรือไม่ และเดินไปได้ขนาดไหนเราต้องมาศึกษากัน" รมว.ศธ.กล่าว

อย่างที่รู้กัน จากข่าวในกระแสต่างๆ ทั้งหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ว่า ศธ.เองก็ยังมีปัญหาภายใน ก็คือเรื่องการทุจริต เนื่องจากเป็นหน่วยงานที่มีคนเยอะและได้รับงบประมาณสนับสนุนจำนวนมาก พล.อ.ดาว์พงษ์ได้ให้แนวทางในเรื่องนี้ว่า ตอนนี้รัฐบาลก็ช่วยเหลือในเรื่องนี้มาก เพราะมีปัญหาลักษณะนี้ในทุกกระทรวง แต่ต้องยอมรับว่าการแก้ปัญหาทุจริตไม่ใช่เรื่องง่าย สำหรับตัวเขานั้นจะเริ่มจากการแก้กฎกติกา อะไรที่มันเหมือนจะเป็นการเปิดช่องให้มีการทุจริตก็ปิดซะ เพราะถ้ายังมีการเปิดช่องว่างไว้ วันหนึ่งก็ต้องมีการทุจริตเกิดขึ้น ถ้าปิดไว้จะทำให้การเกิดทุจริตได้ยากขึ้น และทุกวันนี้ไม่ว่าหน่วยงานไหนจะทำอะไรต้องแจงให้รู้เกี่ยวกับการใช้งบประมาณอย่างละเอียดด้วยว่าเอาไปทำอะไรบ้าง ใช้ที่ไหน เท่าไร เข้ากับแผนยุทธศาสตร์ที่มอบหมายหรือไม่ จะทำให้เราเห็นได้ว่ามีการทุจริตตรงไหน ต้องไหนใช้เงินเยอะเกินจำเป็นก็จะไม่มีการอนุมัติ เพราะตั้งใจว่างบประมาณจำนวน 5.1 หมื่นล้านของ ศธ.จะต้องไม่บูด ทำให้ทุกวันนี้หน่วยงานต่างๆ จะเสนองบประมาณเพื่อดำเนินโครงการจะต้องเสนอให้ รมว.ศธ.พิจารณาล่วงหน้าอย่างน้อย 2 เดือน

"ในทุกๆ เรื่องผมต้องทำให้เสร็จทันก่อนเลือกตั้งแน่นอน ไม่งั้นผมจะเข้ามาทำอะไร และในปี 2559 นี้ก็จะมีผลงานต่างๆ ที่กระทรวงกำลังเร่งทำให้แล้วเสร็จด้วย เพราะเรื่องที่จะต้องปฏิรูปนั้นมีเยอะและมีเวลาที่กำจัด แม้จะเหนื่อยเพราะต้องเร่งทำ แต่ก็ต้องทำให้สำเร็จ ซึ่งถ้า ศธ.ตอนนี้เท่ากับศูนย์ คงไม่ยากที่จะบริหาร แต่ ศธ.มีการดำเนินการมาอยู่แล้ว อยู่ๆ ผมจะสั่งให้ได้อย่างใจนั้นคงยาก ต้องหาเหตุผลมาหักล้างไม่ว่าจะทำเรื่องอะไรก็ตาม แต่ถือว่าเป็นโชคดีของผม ที่ในหลายๆ เรื่องที่ผมจะทำตรงกับความคิดเห็นของคนในกระทรวง ทำให้การทำงานสามารถขับเคลื่อนไปได้".

"ได้มอบนโยบายให้คณะทำงานไปศึกษาว่าเด็กชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จำเป็นต้องเรียนถึง 8 กลุ่มสาระหรือไม่ หรืออาจจะเรียนเพียง 5 กลุ่มสาระ และเพิ่มกลุ่มสาระตามระดับชั้นเรียน ซึ่งการปรับในลักษณะนี้จะสอดรับกับโครงการลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ เพราะไม่ได้เป็นการปรับการเรียนหรือเนื้อหาในวิชาหลักลง แต่ปรับลดในส่วนที่โรงเรียนเรียนเสริมมาเท่านั้น โดยผมคิดว่าหลักสูตรใหม่จะสามารถนำไปใช้ทดลองในเทอมที่ 2 ของปีการศึกษา 2559"

 

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ 

ชุดไทยจิตรลดา โทนสีดำ ตัดเย็บจากผ้าไหมแพรทิพย์ งานละเอียดปราณีต แพทเทิร์นเข้ารูป สวยหรู ทันสมัย #ภาพถ่ายจากสินค้าจริง

฿1,790

https://s.shopee.co.th/8ANnSpUT4P?share_channel_code=6


"ดาว์พงษ์"รุกคืบขั้นที่ 2 ลดวิชาการเด็ก ป.1 มุ่งสู่ปฏิรูปเต็มสูบดาว์พงษ์รุกคืบขั้นที่2ลดวิชาการเด็กป.1มุ่งสู่ปฏิรูปเต็มสูบ

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

:: เรื่องปักหมุด ::

ก.ค.ศ. อนุมัติให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษามีและเลื่อนเป็นวิทยฐานะเชี่ยวชาญ จำนวน 8 ราย (26 พฤศจิกายน 2568)

ก.ค.ศ. อนุมัติให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษามีและเลื่อนเป็นวิทยฐานะเชี่ยวชาญ จำนวน 8 ราย (26 พฤศจิกายน 2568)

เปิดอ่าน 19,249 ☕ 3 ธ.ค. 2568

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
คุรุสภา เตรียมพร้อมจัดงานวันครู ครั้งที่ 70 พ.ศ.2569 "พระผู้ทรงเป็นแม่และครูแห่งแผ่นดิน"
คุรุสภา เตรียมพร้อมจัดงานวันครู ครั้งที่ 70 พ.ศ.2569 "พระผู้ทรงเป็นแม่และครูแห่งแผ่นดิน"
เปิดอ่าน 386 ☕ 4 ธ.ค. 2568

ก.ค.ศ. อนุมัติให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษามีและเลื่อนเป็นวิทยฐานะเชี่ยวชาญ จำนวน 8 ราย (26 พฤศจิกายน 2568)
ก.ค.ศ. อนุมัติให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษามีและเลื่อนเป็นวิทยฐานะเชี่ยวชาญ จำนวน 8 ราย (26 พฤศจิกายน 2568)
เปิดอ่าน 19,249 ☕ 3 ธ.ค. 2568

การจัดทำข้อตกลงในการพัฒนางาน (PA) ของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา สังกัด สพฐ. ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569
การจัดทำข้อตกลงในการพัฒนางาน (PA) ของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา สังกัด สพฐ. ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569
เปิดอ่าน 888 ☕ 29 พ.ย. 2568

มาตรการและแนวปฏิบัติการดำเนินการในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2568 (ว49633)
มาตรการและแนวปฏิบัติการดำเนินการในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2568 (ว49633)
เปิดอ่าน 2,648 ☕ 27 พ.ย. 2568

ผลการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ครั้งที่ 10/2568 เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2568
ผลการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ครั้งที่ 10/2568 เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2568
เปิดอ่าน 19,055 ☕ 27 พ.ย. 2568

"อรรถพล" เรียกร้องทุกพรรคการเมืองปฏิรูปอาชีพครู ถ้าไม่ทำการศึกษาไทยจะถอยหลังอีกเป็นสิบปี
"อรรถพล" เรียกร้องทุกพรรคการเมืองปฏิรูปอาชีพครู ถ้าไม่ทำการศึกษาไทยจะถอยหลังอีกเป็นสิบปี
เปิดอ่าน 971 ☕ 27 พ.ย. 2568

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

4 เกาะที่น่าไป หลังเกษียณอายุ
4 เกาะที่น่าไป หลังเกษียณอายุ
เปิดอ่าน 18,152 ครั้ง

เทียนพรรษาทำมาจากอะไร? : สสวท. ชวนเรียนรู้วิทยาศาสตร์ผ่านวัฒนธรรม
เทียนพรรษาทำมาจากอะไร? : สสวท. ชวนเรียนรู้วิทยาศาสตร์ผ่านวัฒนธรรม
เปิดอ่าน 1,074 ครั้ง

ครีมเทียม กินมาก อันตรายกว่าที่คิด!
ครีมเทียม กินมาก อันตรายกว่าที่คิด!
เปิดอ่าน 42,399 ครั้ง

ยิมนาสติก
ยิมนาสติก
เปิดอ่าน 46,194 ครั้ง

เตือนเด็กต่ำกว่า 16 ใช้มือถือ เสี่ยง 5 เท่า เนื้องอกสมอง
เตือนเด็กต่ำกว่า 16 ใช้มือถือ เสี่ยง 5 เท่า เนื้องอกสมอง
เปิดอ่าน 12,304 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ