รมว.ศธ.ปลื้มภาพรวมโครงการลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้ หลังเดินหน้า 2 เดือน พบทั้งข้อดีข้อเสีย มั่นใจโครงการฯในปี 59 โรงเรียนทุกแห่งจะมีความพร้อม
วันนี้ (4 ม.ค.) พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ดำเนินการนโยบายลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้ ในโรงเรียนนำร่องทั่วประเทศจำนวน 4,100 แห่งมาเป็นระยะเวลา 2 เดือนแล้ว ผลงานดำเนินงาน พบว่า มีทั้งโรงเรียนที่สามารถจัดกิจกรรมได้ตามเป้าหมายอย่างดีเยี่ยม และโรงเรียนที่ยังคงมีปัญหาอยู่บ้าง ซึ่งปัญหาที่พบส่วนใหญ่ คือ โรงเรียนยังจัดกิจกรรมพัฒนาทักษะได้ไม่ครบตามที่กระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) กำหนดไว้ใน 4 ด้าน คือ ด้านสมอง ด้านจิตใจ ด้านฝีมือ และ ด้านร่างกาย โดยโรงเรียนจะจัดกิจกรรมที่เน้นด้านใดด้านหนึ่งมากเกินไปจึงไม่ครอบคลุม ซึ่งปัญหาเหล่านี้เป็นปัญหาที่คาดการณ์เอาไว้แล้วตั้งแต่แรกว่าต้องเกิดขึ้น เนื่องจากโรงเรียนในแต่ละแห่งมีศักยภาพในการดำเนินงานไม่เท่ากัน ทั้งนี้ ศธ.จะลงไปช่วยแก้ไขปัญหา โดยใช้วิธีแก้ไขเป็นรายกรณี อย่างไรก็ตามส่วนตัวพอใจในการดำเนินงานที่ผ่านมา และที่สำคัญ พ่อ แม่ ผู้ปกครอง นักเรียน และ ครู ก็มีความสุขในการเรียนการสอนมากขึ้น
“ตัวชี้วัดที่จะเห็นว่าเรื่องนี้ได้ผลจริง คือ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของเด็ก ซึ่งจะสามารถวัดได้ว่าเราคิดถูกหรือไม่ แต่ที่แน่ๆเราพบปัญหาแล้ว ว่า เด็กไทยเรียนในห้องเรียนเยอะจนติดอันดับต้นๆของโลก ซึ่งเราก็ต้องมาแก้ไขปัญหา โดยการค่อยๆปรับแก้จุดอ่อนกันไป แต่คำว่าแก้ไขกันไปของผมไม่ช้าแน่นอน ต้องลงเร็วทั้งนี้ เมื่อจบโครงการในปีการศึกษา 2558 ทุกฝ่ายจะต้องนำรายละเอียดทั้งหมดมารายงาน เพื่อปรับแก้ไขกันอีกครั้งหนึ่งในช่วงปิดเทอม ซึ่งคุณครูอาจจะได้พักน้อย มีภาระหนักในช่วงนั้น แต่ก็ต้องขอให้เข้าใจว่า เราทำเพื่อเด็กๆ เพราะผมจะไม่รบกวนเวลาครูในช่วงวันเรียนเด็ดขาด” พล.อ.ดาว์พงษ์ กล่าวและว่า ในส่วนของการดำเนินงานในปีการศึกษา 2559 ที่จะมีโรงเรียนเข้าร่วมโครงการเพิ่มขึ้นคงต้องมีการเตรียมความพร้อมให้มากขึ้น โดยการทำความเข้าใจและสร้างความรู้ให้แก่ครู ส่วนโรงเรียนที่ยังมีปัญหาในการจัดกิจกรรม เชื่อว่าปัญหาจะลดลง เนื่องจากมีประสบการณ์ในการจัดกิจกรรมที่ผ่านมาแล้ว.
ที่มา หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 4 มกราคม 2558