รอบนี้...เห็นทีหนีไม่พ้นการ "ปลดเปลื้องหนี้สิน" ให้กับครูไทย นั่นเอง เพราะเห็นตั้งท่ามานาน ตั้งแต่กลางเดือนธ.ค.ที่ผ่านมาโน่น แต่ยังติดโน่นติดนี่ จนครู ครู.... ทั้งหลาย ต้องรอเก้อกันไปก่อน
ลุ้นกันอีกรอบล่ะจร้า...ในเร็ว ๆ นี้ หรือไม่ ก็พรุ่งนี้ (5 ม.ค.) นี่ล่ะ ที่บรรดาข้าราชการครูไทย บรรดาพี่น้องชาวครูทั้งหลาย จะได้ลุ้น ได้ตื่นเต้น ได้พองโต กันเป็นแถวที่เดียวล่ะค่ะ
แหม!!! พอเปิดศักราชใหม่กันเข้ามา ก็มีเรื่องให้ตื่นเต้น หัวใจตูมตามกันอีกแระ ก็อะไรกันซะอีกล่ะคะ เรื่องดีใจ เรื่องลุ้น ๆ ให้ใจพองโต กันแบบนี้ รัฐบาลของท่านนายกฯบิ๊กตู่ น่ะ เค้าย่อมมีอะไร ๆ มาคอยกระตุกต่อมกันเสมออ่ะ
รอบนี้...เห็นทีหนีไม่พ้นการ "ปลดเปลื้องหนี้สิน" ให้กับครูไทย นั่นเอง เพราะเห็นตั้งท่ามานาน ตั้งแต่กลางเดือนธ.ค.ที่ผ่านมาโน่น แต่ยังติดโน่นติดนี่ จนครู ครู.... ทั้งหลาย ต้องรอเก้อกันไปก่อน
ทีแรกท่านผู้นำ ก็หมายมั่นปั้นมือ กะจะให้เป็นหนึ่งในของขวัญปัใหม่ของข้าราชการครูไทย เหมือนกันนั่นแหล่ะ แต่ในเมื่อยังไม่จบแบบ 100% ก็เก็บกันไว้ก่อน จะช้านิดช้าหน่อย ก็ไม่เป็นไร เพราะยังไง "ครูไทย" ก็ได้ประโยชน์
แนวทางลาง ๆ ที่มีออกมาให้เห็นในครั้งนี้ เห็นทีจะหนีไม่พ้นที่ "ธนาคารออมสิน" ต้องเป็นแม่งานหรือเป็นเจ้าโปรเจคท์ เพราะเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ของครูเกือบทั้งประเทศ
ในเมื่อ....เป็น "เจ้าหนี้" เชื่อเถอะว่า สิ่งที่ธนาคารออมสินทำได้ทันทีน่ะ ก็คงเป็นเรื่องของการลด การงดคิดดอกเบี้ยให้กับบรรดาครู ครู ทั้งหลาย นั้นแหล่ะ
จะมากจะน้อย ก็ต้องขึ้นอยู่กับลูกหนี้ด้วยนะ ว่ามีฐานะเป็นลูกหนี้ที่ดีหรือเปล่า ถ้าลูกหนี้ดีเชื่อเถอะ ได้รับการช่วยเหลืออย่างดีแน่ โดยเฉพาะ การลดดอกเบี้ย เพื่อให้มีช่องทางหายใจหายคอได้สะดวกมากขึ้น
แต่ที่หนักหน่อย! หรือครูไทย ต้องจำยอมฝืนทนไปก่อน เพื่อปรับฐานะให้ตัวเองดีขึ้นหรือหลุดพ้นจากสภาพการเป็น "ลูกหนี้" ก็คือเรื่องของ "ค่าวิทยฐานะ" ที่กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อจากนี้
ไม่ง่าย.... ไม่ยาก...จนเกินไปหรอกนะ เพราะธนาคารออมสิน เค้าเห็นอยู่แล้วว่า เรื่องของการเลื่อนขั้น การคิดค่าวิทฐานะ ที่เปรียบเหมือนเป็นอีกหนึ่ง "หัวใจ" สำคัญของชาวครู
เพียงแค่คุณครู มีประวัติการชำระหนี้ที่ดี ไม่บิด ไม่เบี้ยว ตรงต่อเวลา ทุกอย่างก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ก็ว่ากันไปตามบท แต่ถ้าคุณครู บิดเบี้ยวหนี้ขึ้นมาล่ะก็... ปัญหาใหญ่ตามมาแน่
จากเดิม... ที่เวลาจะประเมินวิทยฐานะของครู กันน่ะ ก็จะดูใน 3 ด้าน คือ ด้านวินัย คุณธรรม จริยธรรมและจรรยาบรรณในวิชาชีพ ด้านที่ 2 คือ คุณภาพการปฎิบัติงาน และสุดท้าย คือด้านผลงานที่เกิดจากการปฎิบัติหน้าที่ อย่างแท้จริง
เพราะเที่ยวนี้ ทางธนาคารออมสิน น่ะ เค้าเตรียมเสนอให้คณะรัฐมนตรี เห็นชอบ ให้นำเรื่องของประวัติการชำระหนี้ของชาวครู เนี่ยแหล่ะ มาเป็นตัวชี้วัด หรือเกณฑ์วัด ในการคิดค่าวิทยฐานะของครู ๆ ๆ ๆ ทั้งหลาย
โดยเรื่องของ "วิทยฐานะ" เนี่ยนะ ตามกฎหมายครู เมื่อปี 47 ถือเป็นตำแหน่งของผู้มีความรู้ ความสามารถในวิชาชีพของตัวเอง ไม่ใช่หมายความว่า วิทยฐานะ... เป็นสวัสดิการที่ทุกคนต้องได้รับ ซะเมื่อไหร่
เอาล่ะ...นี่แค่ น้ำจิ้ม หรือแค่ส่วนหนึ่ง ของการปลดเปลื้องหนี้สินครูไทย เท่านั้นนะ ยังมีอีกดอก เพราะธนาคารออมสิน เค้าก็เตรียมปล่อยกู้ให้บรรดาสหกรณ์ออมทรัพย์ครูทั่วประเทศด้วย
แต่มีข้อแม้ว่าสหกรณ์ นั้น ๆ ต้องโอนลูกหนี้ครู ไม่จากธนาคารออมสินด้วย เรียกง่าย ๆ ก็ขอเปลี่ยนจากเจ้าหนี้ครู กว่า 4.7 แสนราย ไปเป็นเจ้าหนี้ของสหกรณ์ฯ แทนน่ะ
งานนี้ ธนาคารออมสิน เค้ายืนยันนะคะว่า ครู ๆ ๆ ๆ ทั้งหลายที่เป็นหนี้อยู่น่ะ หากเข้าร่วมโครงการ ก็จะได้ปรับลดภาระค่าใช้จ่ายที่มีอยู่ให้เบาบางลง
นอกจากจะลดดอกเบี้ย ให้แล้ว ยังเป็นการปรับค่างวดในการผ่อนส่งค่างวดใหม่ โดยดูให้เหมาะสมกับความสามารถในการผ่อนชำระหนี้ของครูแต่ละคน
เถอะค่ะ...ครูไทยทั้งหลายจะคิดอย่างไร แต่ก็เป็นแนวทางที่ธนาคารออมสินเอง เค้าพยายามทำให้ทุกอย่างดีขึ้นน่ะ "ช่อชมพู" ไม่ได้เชียร์หรือเข้าข้างเจ้าหนี้เค้าหรอกนะ
แต่ความเป็นจริงที่ทุกคนไม่ว่าจะเป็นครู เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นรัฐมนตรี เป็นเจ้าของบริษัท เป็นข้าราชการ เป็นพ่อค้าแม่ค้า เป็นมนุษย์เงินเดือน หรือเป็นใคร ก็ตามเถอะ "เป็นหนี้ ก็ต้องใช็" กันใช่มั้ยล่ะคะ
...................................
คอลัมน์ : เศรษฐกิจจานร้อน โดย “ช่อชมพู”
ที่มา หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 4 มกราคม 2559