"สุรินทร์ พิศสุวรรณ" จี้ลงทุนการศึกษา-วิทย์-เทคโนฯ-นวัตกรรม "ปั้นคน" สู่อาเซียน
เมื่อวันที่ 25 ธ.ค.2558 ที่ชั้น 9 อาคารสำนักงานหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ศาสตราภิชาน ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีตเลขาธิการอาเซียน ได้ให้เกียรติมาปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “ครูกับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน” ในงานวัน “กำพล วัชรพล” ประจำปี 2558 ในโอกาสเดียวกัน พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ เป็นประธานมอบรางวัลและแสดงความยินดีกับครูโรงเรียนไทยรัฐวิทยาดีเด่น ผู้บริหารโรงเรียนไทยรัฐวิทยาดีเด่น และโรงเรียนไทยรัฐวิทยาดีเด่น “ทีมการศึกษา” เห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อแวดวงการศึกษา จึงขอนำส่วนหนึ่งมาเผยแพร่ต่อสังคม
ประเทศจะเพลี่ยงพล้ำหรือกำชัยชนะอยู่ที่คน
“...การเข้าสู่ประชาคมอาเซียนอีกไม่กี่วันข้างหน้า จะได้ประโยชน์ หรือเสียประโยชน์ จะเพลี่ยงพล้ำ หรือจะกำชัยชัยชนะเอาไว้ ขึ้นกับการเตรียมคนเข้าสู่ประชาคมอาเซียน พูดได้ว่า 14 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยชกต่ำกว่าน้ำหนักตัวเองบนเวทีภูมิภาคและบนเวทีโลก แปลว่าทำได้ดีกว่านี้เยอะครับ แปลว่ามีสิ่งดีๆอยู่มากมาย มีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ มีวิสัยทัศน์ มีองค์กรอย่างไทยรัฐ อย่างมูลนิธิไทยรัฐ มีผู้มีวิสัยทัศน์อย่าง ท่านกำพล วัชรพล โดย กำพล แปลว่า กำไว้ซึ่งพลัง และพลังนั้นคือ พลังแห่งแก้ว แห่งมณี วัชรพล ผมคิดว่าท่านกำพล ตระหนักถึงความสำคัญของสื่อ ของข้อมูลข่าวสาร ตระหนักก่อนบิล เกตส์ ก่อน มาร์ค ซัคเคอเบิร์ก...
ชื่นชม “กำพล วัชรพล” สร้างคน
...เมื่อท่านมี นสพ.ไทยรัฐ มีพลังอยู่ในมือ ท่านก็เป็นผู้มีความรับผิดชอบต่อสังคมถึงได้เกิด ร.ร.ไทยรัฐวิทยา 101 โรง ได้เกิดมูลนิธิไทยรัฐ เกิดวิสัยทัศน์ขึ้นเพื่อที่จะพัฒนาบุคลากรทางด้านการศึกษาเพื่ออนาคตของประเทศ สิ่งที่มูลนิธิไทยรัฐ และที่ท่านกำพล วัชรพล ได้ทำเอาไว้ คือสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านทรัพยากรมนุษย์ให้กับประเทศ เพราะประเทศจะขึ้นเวทีแข่งขันกับประเทศอื่นไม่ได้ ถ้าคนไม่มีความรู้ความสามารถ...
ย้ำอยากยืนบนลำแข้งต้องลงทุน
...ขณะนี้ประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่พร้อมกับประเทศอาเซียนอื่นๆ เรามีหวังมากกว่าคนอื่น ก็คือความเป็นไปได้ที่จะติดอยู่ในกับดักที่เรียกว่า “กับดักของกลุ่มประเทศที่มีรายได้ปานกลาง” แปลว่าประเทศนี้และหลายประเทศในอาเซียน ซึ่งเป็นประเทศกำลังพัฒนาจะไม่สามารถพัฒนาเศรษฐกิจของตัวเองขึ้นไปสู่ระดับที่เรียกว่าเป็นประเทศที่ร่ำรวยแล้ว คือ รายได้ 10,000 ดอลลาร์ ต่อคนต่อปี หรือ 360,000 บาท ต่อคนต่อปี ซึ่งไม่มากนัก แต่ประเด็นคือเมื่อนำ 67 ล้านคนมาหารกับรายได้ประชาชาติของประเทศ เราจะได้ประมาณคนละ 5-6,000 ดอลลาร์ต่อคนต่อปี และที่สำคัญสุดคือ 2-3,000 ดอลลาร์สุดท้ายนี้ยากที่สุด ไม่มีเศรษฐกิจไหนที่จะแข่งขันกับคนอื่นได้ และยืนอยู่บนลำแข้งของตัวเองได้ ในโลกยุคโลกาภิวัตน์ ถ้าไม่มีการลงทุนเรื่องการศึกษา วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ซึ่งประเทศไทยยังลงทุนน้อยมาก ทุกประเทศที่พัฒนาแล้วจะใช้ประมาณ 3% ของรายได้ประชาชาติ ส่วนประเทศไทยใช้เพียง 0.20% ...
ฟันธง “ครู” คือกุญแจสำคัญการปฏิรูป
...โรงเรียนไทยรัฐวิทยา 101 โรงต้องเป็น 101 โรงเรียนที่ผลิตบุคลากรหรือโครงสร้างพื้นฐานของทรัพยากรมนุษย์ ทั้งดี มีคุณธรรม และเก่งด้วย เพราะจะเป็นหัวหอกขึ้นเวทีอาเซียน ใครที่จะเป็นกลไกสำคัญในการสร้างความสามารถในการแข่งขันสำหรับประเทศ สำหรับเศรษฐกิจนี้ในอนาคตถ้าไม่ใช่ครู 5 แสนคนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ฉะนั้นเป็นหน้าที่ของครู ซึ่งเป็นหน้าที่ที่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นหน้าที่ที่รับมาแล้วอยู่บนบ่า บนตัก ที่จะต้องทำให้ลุล่วง จึงเป็นเรื่องที่ถูกแล้วที่คืนครูให้ห้องเรียน อย่าให้ครูต้องกรอกแบบฟอร์มมากนัก
กุญแจสำคัญของการปฏิรูปการศึกษาคือ ครู กุญแจดอกที่สองที่สำคัญของการปฏิรูปการศึกษาคือ ครู กุญแจดอกที่สามคือ ครู ครู ครู เพราะฉะนั้นสวัสดิการของครูต้องดี อย่าให้ครูเป็นหนี้ท่วมหัว อย่าให้ต้องไปใช้เวลาเพื่อประคองชีวิต ครูจะต้องเก่ง จะต้องมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าที่เป็นอยู่ ครูถึงจะมีจิตใจไปทุ่มเทเต็มที่ 100 เปอร์เซ็นต์ให้กับงานที่อยู่ตรงหน้า คือ งาน
การสอน...
จี้ลดภาระยกระดับสู่ “ครูมืออาชีพ”
...รมว.ศึกษาธิการพูดถึงเรื่องวินัย ผมขอใช้คำของ ท่านพุทธทาส ที่ว่า “การทำหน้าที่คือการปฏิบัติธรรม การทำหน้าที่ให้สมบูรณ์คือการปฏิบัติธรรมที่สมบูรณ์ “วินัยเริ่มตรงนี้ ที่ว่าเราให้ 100 เปอร์เซ็นต์ กับความรับผิดชอบของเราหรือยัง ถ้ามีเหตุผลอื่นที่ให้ไม่ได้ เรื่องค่าครองชีพ เรื่องอบรม เรื่องห้องเรียนใหญ่เกินไป สิ่งนั้นคือ สิ่งที่จำเป็นจะต้องแก้ไข ลดภาระของครู ให้ครูได้ทำหน้าที่ได้ 100% ในฐานะที่เป็นนักการศึกษาของประเทศนี้ การที่เราจะเป็นอะไรก็ตามแต่ 100% ในวิชาชีพของเราที่เรียนมา ที่สั่งสมความรู้ประสบการณ์มา คือการทำตัวเป็นมืออาชีพ เหมือนนักหนังสือพิมพ์ของไทยรัฐ ต้องเป็นมืออาชีพ ต้องทุ่มเทกับอาชีพของการเป็นนักหนังสือพิมพ์ 100% ไม่เช่นนั้นไม่อยู่ครองตลาดมาได้ถึงทุกวันนี้
ถ้าครูจะให้ 100% ครูต้องมีทุกสิ่งทุกอย่างที่มาสนับสนุนให้ครูทำงานได้เต็ม 100% ทั้งลดภาระงาน เพิ่มเทคโนโลยี ลดหนี้ครู ผลพวงก็จะเกิดที่เด็ก นี่คือสิ่งที่จำเป็นจะต้องทำ เพราะโลกนี้ไม่มีพรมแดน ต่อไปนี้เขตแดนจะไม่มีความหมายมากนัก การเข้าสู่อาเซียนนั้นเต็มไปด้วยโอกาส แต่ก็เต็มไปด้วยความเสี่ยงเช่นกัน เราจะสร้างภูมิคุ้มกันอย่างไร เพื่อให้คนของเรา เศรษฐกิจของเรา สังคมของเรา พร้อมที่จะป้องกันตัวเอง และตักตวงสิ่งซึ่งควรจะเป็นประโยชน์ของประเทศ...
“ครู” คือผู้นำที่ดีและพลังที่ยิ่งใหญ่
...อริสโตเติล บอกว่าผู้นำที่ดีคือครูที่ดี ในทางกลับกันครูที่ดีก็คือผู้นำที่ดีให้กับเด็ก เด็กจะบอกว่าครูเป็นไอดอล เป็นต้นแบบ ไม่มีอะไรสอนเด็กได้เท่ากับการใช้ชีวิตให้เด็กเห็น สิ่งที่เราพูดกันวันนี้อยู่นอกเหนือการเตรียมตัวเข้าอาเซียน แต่หมายถึงการปฏิรูปประเทศไทย ปฏิรูปการศึกษา จะอาเซียนหรือไม่อาเซียน ประเทศไทยจำเป็นต้องปรับตัว อยู่ในแบบเดิม โหมดเดิม กรอบเดิมไม่ได้อีกแล้ว เชื่อเถอะ ในบรรดาหลายหมื่นคนของโรงเรียนไทยรัฐวิทยา 101 โรงจะต้องมีช้างเผือกอยู่หลายเชือก และถ้าเขามีโอกาส มีคุณภาพ เป็นคนมีความรู้ มีคุณธรรม จิตใจเผื่อแผ่ มีพลังในมือ และพลังแห่งแก้วแห่งมณี พลังน้ำที่สดใสเหมือนหยดน้ำ ชำระล้างสิ่งที่ไม่ถูกต้อง สิ่งไม่ดีทั้งหลาย วิธีคิดของท่านกำพล วัชรพล เป็นวิธีคิดที่ตรง ไม่อ้อม คือถ้าสร้างคนดี สร้างโรงเรียนดี มีครูดี ก็จะเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่ดี ทั้งหมดนี้ก็จะรวมกันเป็นพลัง หยดน้ำทุกหยด 101 หยด หรือกี่หมื่นกี่แสน ที่ได้รับการกลั่นกรองมาแล้วจาก 101 โรงจะรวมเป็นพลังน้ำที่ยิ่งใหญ่ สายธารที่เต็มไปด้วยความสร้างสรรค์ ชำระล้าง ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง ปฏิรูปสังคมนี้ได้ เพราะหนทางเดียวที่จะอยู่รอดได้ในสังคมแห่งการแข่งขันในอาเซียนและประชาคมโลก คือการเตรียมคนให้พร้อม
หลอมไทยเป็นเทียน ปั้นเทียนเป็นธง
...ต้องขอบคุณมูลนิธิไทยรัฐที่ตระหนักในเรื่องนี้มา 36 ปี โรงเรียนไทยรัฐวิทยา 101 โรง ต้องตั้งปณิธานร่วมกันต่อหน้า คุณหญิงประณีตศิลป์ วัชรพล คุณยิ่งลักษณ์ วัชรพล ว่า นับจากนี้ต่อไปเราต้องช่วยกันหลอมบ้านเมืองนี้ ให้เป็นน้ำเทียน เทียนซึ่งถือว่าสิ่งที่มีคุณค่าในทุกศาสนา ทุกวัฒนธรรม ทุกชุมชน หลอมไทยให้เป็นเทียน และช่วยกันปั้นน้ำเทียนให้เป็นธง ธงแห่งชัยชนะ ธงแห่งความพร้อม ธงแห่งมืออาชีพ ธงแห่งโอกาส ธงแห่งความรับผิดชอบ เพื่อลูกหลาน เพื่ออนาคต นี่คือสิ่งที่ท้าทายและรอเราอยู่ บุคลากรที่มีคุณภาพในอนาคตเกิดจากน้ำพักน้ำแรง น้ำมือของครู 101 หยดน้ำรวมกันเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่พอสมควร มูลนิธิไทยรัฐพร้อมที่จะสนับสนุนให้ท่านเป็นครูที่ดีเลิศ เป็นบุคลากรทางการศึกษาที่ดีเยี่ยม ผมเชื่อว่ามูลนิธิไทยรัฐจะสนับสนุนท่าน และผมเชื่อว่าประเทศไทยจะไม่ขึ้นเวทีชกต่ำกว่าน้ำหนักของตัวเองอีกต่อไป จะต้องขึ้นเวทีแล้วแสดงความรู้ ความสามารถ ความพร้อม ความเก่ง ความฉกาจ เหมือนที่ ท่านกำพล พูดว่า ถ้าเด็กคนหนึ่งเป็นผู้นำขึ้นมา แล้วบอกว่า หนูจบมาจาก ร.ร.ไทยรัฐวิทยา ท่านจะภูมิใจ อีก 10–20–30 ปีข้างหน้า อนุชนรุ่นหลังจะมองกลับมา ผมจะอนุโมทนาว่า ปฏิญญาที่จะหลอมไทยให้เป็นเทียน ปั้นเทียนให้เป็นธง เกิดขึ้นในงาน วันกำพล วัชรพล ....”
ที่มา ไทยรัฐ วันที่ 29 ธันวาคม 2558