เป็นที่ทราบกันดีเพราะเปิดเผยมานานสำหรับข้าราชการครูที่ถูกจัดอันดับเป็น ข้าราชการที่มีหนี้สินล้นพ้นตัวมากที่สุดก็ว่าได้ เมื่อเปรียบเทียบกับข้าราชการสังกัดอื่นๆ ดังนั้นรัฐบาลแทบจะทุกยุคทุกสมัยจึงต่างให้ความสำคัญ โดยให้การช่วยเหลือแก้ไขด้วยการจัดตั้งโครงการต่างๆ ขึ้นมา เพื่อให้เป็นที่พึ่งของเพื่อนครู ไม่เว้นแต่รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.คงพยายามให้ความช่วยเหลือเต็มที่เช่นกัน
ล่าสุด รศ.นพ.กำจร ตติยกวี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการได้กล่าวภายหลังประชุมหารือมาตรการแก้ปัญหาหนี้สินครู ร่วมกับธนาคารออมสินและคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สก.สค.) ว่าได้มีการหารือถึงการให้ใช้เงินอนาคต เพื่อเป็นการลดภาระหนี้สินของครูเพราะจากข้อมูลของธนาคารออมสินระบุว่า ครูที่เป็นหนี้วิกฤติและถูกยื่นโนติสมีจำนวน 13,405 คน มีครูมาติดต่อชำระหนี้ 6,023 คน เริ่มชำระหนี้แล้ว 1,521 คน
ส่วนที่เหลืออยู่ในระหว่างปรับโครงสร้างหนี้และยังมีผู้ที่ไม่มาติดต่ออีก 7,382 คน ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการได้ขอให้ธนาคารออมสินดำเนินการฟ้องร้องตามกฎหมายต่อไป ซึ่งแน่นอนว่าส่วนใหญ่จะกลายเป็นหนี้เสียเข้าทำนองที่ว่า "ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย" ดังนั้นที่ประชุมหารือมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้สินครู จึงได้มีบทสรุปข้อเสนอของธนาคารออมสินเกี่ยวกับการใช้เงินอนาคต อาทิ การใช้เงินฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) ที่ใช้ค้ำประกันเงินกู้
ซึ่งญาติจะได้รับหลังจากสมาชิกเสียชีวิต โดยนำมารีไฟแนนซ์ เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ ขณะเดียวกันอาจมีการนำเงินบำเหน็จตกทอด ซึ่งญาติจะได้รับหลังข้าราชการเสียชีวิตมาใช้แต่เรื่องนี้คงต้องศึกษารายละเอียดให้รอบคอบก่อน เพราะมีผู้เกี่ยวข้องหลายส่วนรวมทั้งต้องแก้กฎหมายด้วยแต่อย่างไรก็ตามยืนยันว่ามาตรการดังกล่าวเป็นการเพิ่มสภาพคล่องให้ครูที่เป็นหนี้ เพื่อการลดภาระในการผ่อนชำระและลดดอกเบี้ยเท่านั้นไม่ใช่เป็นการใช้หนี้แทน
ซึ่งหาก ครม. เห็นชอบตามที่ธนาคารออมสินเสนอให้นำเงิน ช.พ.ค.มารีไฟแนนซ์ จะมีครูที่เป็นลูกหนี้ของธนาคารออมสินประมาณ 3 แสนคนสามารถเคลียร์ยอดหนี้ได้ในวงเงินที่เพียงพอแต่จะไม่นำเงิน ช.พ.ค.มาชำระหนี้ทั้งหมด ซึ่งเรื่องดังกล่าวคงเป็นการลงในรายละเอียด ถ้ามาตรการแก้ไขหนี้สินครูดังกล่าวได้รับความเห็นชอบจากทุกฝ่าย แต่เท่าที่ดูคงเป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเพื่อนครูคงเป็นหนี้ไปจนตายเพราะถึงขนาดต้องนำเงินค่าทำศพมาชำระหนี้
ที่มา: หนังสือพิมพ์บ้านเมือง