"ดาว์พงษ์" เตือนเอกชนแอบผลิตเครื่องหมาย-อุปกรณ์ลูกเสือ ถือว่าผิดกฎหมาย ละเมิดลิขสิทธิ์องค์การค้าฯ ย้ำไม่ได้ผูกขาดขายหนังสือองค์การค้าฯ แต่วอนให้โรงเรียนพิจารณาเป็นลำดับแรก ย้ำปัญหาทุจริต สกสค.ยังตามติดไม่นิ่งนอนใจ
พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ องค์การค้าของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ได้รายงานความคืบหน้าเรื่องที่การตั้งคณะกรรมการสอบกรณีพบอุปกรณ์แต่งกายลูกเสือ เช่น เข็มขัดลูกเสือ หมวกลูกเสือ ผ้าพันคอลูกเสือ วอล์กเกิล ใช้แบบหนังสีน้ำตาล เป็นต้น ซึ่งเป็นของเอกชน นำมาฝากเก็บไว้ในคลังสินค้าขององค์การค้าของ สกสค. มีมูลค่าประมาณ 24 ล้านบาท จึงให้คณะกรรมการตรวจสอบว่าเป็นของที่ได้รับลิขสิทธิ์ในการผลิตอย่างถูกต้องหรือไม่ และการรับฝากของอดีตผู้อำนวยการองค์การค้าของ สกสค. มีการเก็บค่าเช่า มีค่ารับฝาก และเป็นการดำเนินการที่ถูกต้องหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของเครื่องแต่งกายลูกเสือถือว่าเป็นลิขสิทธิ์ขององค์การค้าของ สกสค. ถ้าบริษัทใดจะผลิตต้องขออนุญาตจากองค์ค้าของ สกสค. ที่ผ่านมามีหลายบริษัทแอบผลิตขาย ดังนั้นต่อไปจะต้องเข้มงวดกับเรื่องนี้มากขึ้น เพราะถือว่าทำให้องค์การค้าของ สกสค.สูญเสียรายได้ หากแก้ไขได้ก็จะกลับมาเป็นส่วนหนึ่งของรายได้ขององค์การค้า สกสค. ซึ่งขณะนี้กำลังประสบปัญหาขาดทุนอยู่
"ใครที่แอบผลิตอยู่ก็ให้รู้ตัวว่าทำผิดกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์ขององค์การค้าของ สกสค. ซึ่งอย่าทำ และถ้าจะผลิตก็ต้องดำเนินการโดยขอให้เข้ามาคุย มาขอใช้ และจ่ายค่าลิขสิทธิ์ให้ถูกต้อง เพราะถ้าองค์การค้าของ สกสค.มีรายได้จากค่าลิขสิทธิ์ ก็จะมีเงินไปช่วยเพิ่มงบประมาณ พัฒนากิจกรรมลูกเสือและยุวกาชาดได้อีกมาก" รมว.ศธ.กล่าว
ส่วนกรณีการขอความร่วมมือโรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) พิจารณาซื้อหนังสือเรียนจากองค์การค้าของ สกสค.เป็นลำดับแรกนั้น พล.อ.ดาว์พงษ์กล่าวว่า ได้สั่งการให้ สพฐ.ทำหนังเวียนถึงโรงเรียนในสังกัดทั่วประเทศแล้ว และเพื่อไม่ให้เป็นการผูกขาดทางการค้า โรงเรียนจะสนับสนุนส่วนหนึ่งก็ได้ โดยคำนึงถึงประโยชน์ของผู้เรียนเป็นสำคัญ ศธ.ไม่ได้ห้ามโรงเรียนซื้อหนังสือจากสำนักพิมพ์อื่น แต่ขอให้พิจารณาสนับสนุนขององค์การค้าของ สกสค.เป็นเจ้าแรก
"ผมคงไม่สามารถทำอย่างอื่นได้ เพราะองค์การค้าของ สกสค.ถือเป็นหน่วยงานในกำกับ หากทำอะไรที่เหมือนส่งเสริมภาคเอกชนก็ถือว่าไม่ดี ขั้นตอนต่อไปต้องปรับปรุงหลักสูตรให้มีความทันสมัยมากขึ้น และภาคเอกชนที่ผลิตหนังสือเรียนก็ต้องปรับ เพื่อให้เด็กเรียนเนื้อหาที่จำเป็น ไม่ใช่เรียนมากเกินไป ผมยอมรับว่างานของ ศธ.มีเรื่องที่ต้องเดินหน้าจำนวนมาก แต่ขอยืนยันว่าจะไม่ละทิ้งเรื่องการแก้ปัญหาทุจริต และที่ผ่านมาผมก็ดำเนินการแก้ปัญหาทุจริตอย่างต่อเนื่อง ทุกอย่างอยู่ในกระบวนการ ไม่ได้นิ่งนอนใจ เพราะเรื่องนี้มีผลกระทบกับครูและบุคลากรทางการศึกษา รวมถึงยังเป็นนโยบายของรัฐบาล ซึ่งวันนี้คิดว่าปัญหาต่างๆ ลดลง" รมว.ศธ.กล่าว
ด้านนายธเนศพล ธนบุณยวัฒน์ ประธานคณะทำงานของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานกำหนดแนวทางการประเมินประสิทธิภาพและติดตามการดำเนินงานองค์การค้าของ สกสค. กล่าวว่า พล.อ.ดาว์พงษ์ได้สั่งการให้ นพ.กำจร ตติยกวี ปลัด ศธ. นายสุเทพ ชิตยวงษ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ในฐานะผู้อำนวยการองค์การค้าของ สกสค. และนายพินิจศักดิ์ สุวรรณรังค์ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ในฐานะเลขาฯ สกสค. ประสานคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ หรือ คตร. ให้ช่วยเข้ามาตรวจสอบเรื่องดังกล่าวแล้ว.
ที่มา ไทยโพสต์ วันที่ 23 ธันวาคม 2558