พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า จากการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) เมื่อเร็วๆ นี้ ที่ประชุมได้ให้ความเห็นชอบร่างหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งผู้บริหารการศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) โดยมีสาระสำคัญ คือ
หลักเกณฑ์และวิธีการนี้จะใช้สำหรับการพิจารณาย้าย ผอ. และ รอง ผอ. สพท. ทั้งตำแหน่งชั่วคราวและมีเงื่อนไข และตำแหน่งโครงสร้าง โดยกำหนดให้ผู้ดำรงตำแหน่ง รอง ผอ.สพท.ตำแหน่งชั่วคราวและมีเงื่อนไข สามารถดำรงตำแหน่งรอง ผอ.สพท.ตำแหน่งโครงสร้างได้ทั้งใน สพท.อื่นและ สพท.เดิม
ส่วนการย้ายรอง ผอ.สพท.ตำแหน่งชั่วคราวและมีเงื่อนไข ไปดำรงตำแหน่งใน สพท.ใดนั้น หากเป็นสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา(สพป.)ต้องมีผู้ดำรงตำแหน่งรอง ผอ.สพท.ตำแหน่งชั่วคราวและมีเงื่อนไขอยู่แล้วน้อยกว่า 5 ตำแหน่ง ส่วนสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) ต้องมีน้อยกว่า 2 ตำแหน่งจึงจะสามารถรับย้ายได้ สำหรับการพิจารณาย้ายผู้บริหารการศึกษาให้พิจารณาย้าย จากผู้ดำรงตำแหน่งใน สพม. ไป สพม.ด้วยกัน หรือ จาก สปป. ไป สพป. ด้วยกันก่อน หากมีเหตุผลความจำเป็นเพื่อประโยชน์ของทางราชการจึงให้พิจารณาย้ายข้ามจาก สพป.ไป สพม.หรือ สพม. ไป สพป. ได้ โดยขออนุมัติ ก.ค.ศ. เป็นการเฉพาะราย
ทั้งนี้ให้มีการเพิ่ม องค์ประกอบของการพิจารณาย้าย ได้แก่ อายุ ระยะเวลาการดำรงตำแหน่ง และระยะเวลาการปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยงานการศึกษาในปัจจุบันหรือข้อมูลสำคัญอื่นที่จำเป็นด้วย
พล.อ.ดาว์พงษ์ กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ ก.ค.ศ.ยังได้พิจารณารับรองรางวัลสูงสุดระดับชาติขึ้นไป เพื่อใช้ในการขอมีหรือ เลื่อนวิทยฐานะ ตามหลักเกณฑ์การประเมินวิทยฐานะ ว13/2556 ซึ่งมีหลักการพิจารณารับรองรางวัลครั้งนี้ คือ รางวัลที่ ก.ค.ศ. เคยประกาศรับรองแล้ว ยังคงให้การรับรองเช่นเดิม สำหรับการพิจารณารับรองรางวัลที่ส่วนราชการเสนอมาใหม่และได้ผ่านการพิจารณาจากคณะทำงาน และ อ.ก.ค.ศ.วิสามัญเกี่ยวกับนโยบายและการบริหารงานบุคคล จำนวน 86 รางวัล นั้น ให้สำนักงาน ก.ค.ศ. กลับไปจัดทำข้อวิเคราะห์ว่ามีความเป็นมาตรฐาน และมีการพิจารณาให้รางวัลเช่นเดียวกับรางวัลที่เคยรับรองไว้เดิมหรือไม่ ทั้งนี้ให้มีการจัดกลุ่มรางวัลที่ได้รับการพิจารณารับรองให้เป็นหมวดหมู่ และให้นำมาเสนอที่ประชุมในครั้งต่อไป.
ที่มา เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 22 ธ.ค. 2558 (กรอบบ่าย)