พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วย พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ และ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และผู้บริหารฝ่ายการเมือง ประชุมผู้บริหารองค์กรหลักของกระทรวงศึกษาธิการ เมื่อวันพุธที่ 16 ธันวาคม 2558 ณ ห้องประชุมราชวัลลภ
เรื่องที่นายกรัฐมนตรีสั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี
นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมช.ศึกษาธิการ ได้กล่าวถึงข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2558 ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงศึกษาธิการ ดังนี้
- การเตรียมการแถลงผลงานของรัฐบาลในรอบ 1 ปี ซึ่งกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 23-25 ธันวาคมนี้ ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยขอให้แต่ละกระทรวงจัดเตรียมข้อมูลการแถลงผลงานที่ชัดเจน มีการเปรียบเทียบให้เห็นภาพการทำงาน ตอบโจทย์การแก้ปัญหา และให้มีการรับฟังความคิดเห็นภายหลังการแถลงผลงานของรัฐบาลด้วย
- การเพิ่มขีดความสามารถด้านภาษาอังกฤษให้กับประเทศไทย เป็นความจำเป็นของประเทศที่จะต้องยกระดับให้ประชาชนมีพื้นฐานความรู้ภาษาอังกฤษ ซึ่งนอกจากจะมีประโยชน์ต่อการติดต่อสื่อสารแล้ว ยังช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ จึงต้องการให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งดำเนินการใน 3 ส่วน คือ
1) การส่งเสริมภาษาอังกฤษพื้นฐานสำหรับประชาชน โดยขอให้กระทรวงศึกษาธิการมีส่วนสำคัญต่อการส่งเสริมและพัฒนาให้ประชาชนทั่วไปสามารถเรียนรู้ภาษาอังกฤษขั้นพื้นฐานที่สามารถใช้เพื่อการสื่อสารได้
2) การพัฒนาภาษาอังกฤษสำหรับวิชาชีพ ปัจจุบันมีความก้าวหน้าไปตามลำดับ ทั้งการส่งเสริมให้ผู้เรียนในระดับอุดมศึกษาและอาชีวศึกษาได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษขั้นพื้นฐานที่จำเป็นเพื่อใช้ในการเรียนรู้แต่ละสาขาอาชีพ
3) การยกระดับมาตรฐานภาษาอังกฤษในทุกหลักสูตร ซึ่งนายกรัฐมนตรีรับรู้แนวทางการดำเนินงานตามนโยบายดังกล่าวแล้ว
ทั้งนี้ รศ.นพ.กำจร ตติยกวี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวในที่ประชุมด้วยว่า เมื่อกระทรวงศึกษาธิการประกาศนโยบายการยกระดับมาตรฐานภาษาอังกฤษ ทำให้มีผู้รู้ นักวิชาการ รวมทั้งหลากหลายบริษัทเสนอให้ความช่วยเหลือด้านภาษาอังกฤษมายังกระทรวงศึกษาธิการหลายรูปแบบ จึงเสนอให้กระทรวงศึกษาธิการ จัดมหกรรมเพิ่มขีดความสามารถด้านภาษาอังกฤษให้กับประเทศไทย โดยเชิญบริษัทและผู้เกี่ยวข้องต่างๆ มาเสนอแอพพลิเคชั่นหรือสื่อต่างๆ พร้อมกัน เพื่อให้เกิดความโปร่งใส มีข้อมูลที่หลากหลาย และช่วยให้กระทรวงสามารถเลือกเครื่องมือการเรียนรู้ที่เหมาะสมต่อเป้าหมายแต่ละกลุ่มได้ ซึ่งอาจเชิญสถาบันภาษาของมหาวิทยาลัยต่างๆ เข้ามาให้ความเห็นร่วมกันด้วย คาดว่ามหกรรมครั้งนี้จะช่วยให้ประชาชนเห็นความจำเป็นต่อการใช้ภาษาอังกฤษในโลกยุคปัจจุบัน และสามารถเข้ามาเรียนรู้หรือเลือกใช้สื่อต่างๆ เพื่อการเรียนรู้ตามที่ตนเองต้องการได้ โดยมอบสำนักงาน กศน. เป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมครั้งนี้
- การปรับปรุงหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน ให้มีความทันสมัย และให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ตามเนื้อหาหลักสูตร โครงสร้างเวลาเรียน กระบวนการเรียนรู้ที่เหมาะสมตามแต่ละช่วงวัย และสอดคล้องกับนโยบายลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ โดยคาดว่าจะเกิดขึ้นได้ภายในปีการศึกษา 2559
- การปฏิรูประบบการประเมินและประกันคุณภาพสถานศึกษา ให้เกิดขึ้นได้เมื่อเริ่มต้นปีการศึกษา 2559
- การจัดการศึกษาระบบทวิภาคี ซึ่งได้ดำเนินการดีอยู่แล้ว และควรขยายให้ผู้ประกอบการภาคเอกชนรายใหม่ได้เข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น
- ความร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุขเพื่อให้มีแพทย์และพยาบาลครบทุกชุมชน ซึ่งเป็นการดำเนินการร่วมกันระหว่างกระทรวงทั้งสอง เพื่อหาแนวทางดำเนินการเชิงบูรณาการให้สามารถจัดให้มีแพทย์และพยาบาลกระจายไปให้ครบในแต่ละชุมชน
Advertisement
เรื่องที่ รมว.ศึกษาธิการ สั่งการในที่ประชุม
- การที่ผู้บริหารโรงเรียน สพฐ.อนุมัติตนเองไปราชการ โดย รมว.ศึกษาธิการได้สอบถามความคืบหน้า สพฐ. กรณีการให้ผู้อำนวยการสถานศึกษาอนุมัติให้ตัวเองลาและไปราชการด้วยตนเองได้ ซึ่งไม่มีหน่วยงานใดทำนอกจากกระทรวงศึกษาธิการ จึงขอให้ทุกหน่วยงานดำเนินการให้เป็นไปในแนวทางเดียวกันตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2559 เป็นต้นไป ซึ่งจะมีการเสนอให้ผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นอนุมัติ เช่น การขออนุมัติไปราชการของผู้อำนวยการโรงเรียน สังกัด สพฐ. ควรเสนอให้ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเป็นผู้พิจารณา หรือการขออนุมัติไปราชการต่างประเทศ ก็เสนอให้ผู้บริหารระดับปลัดกระทรวงพิจารณา เป็นต้น
- สิทธิเสรีภาพและหน้าที่ มอบสำนักงาน กศน.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องย้ำให้บุคลากรและผู้เรียนได้ให้ความสำคัญต่อเรื่อง "สิทธิ-เสรีภาพ-หน้าที่" ไปพร้อมกัน
- แบบมาตรฐานอาคารและสิ่งก่อสร้าง ฝากทุกองค์กรหลักดูแลเกี่ยวกับแบบมาตรฐานของอาคารและสิ่งก่อสร้างต่างๆ ของแต่ละหน่วยงาน
- การให้การต้อนรับผู้นำจากกัมพูชาที่มาเยือนไทย ระหว่างวันที่ 18-19 ธันวาคมนี้ ซึ่งจะได้มีการพบปะกับนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีร่วมกัน ในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการอาจต้องเตรียมข้อมูลเกี่ยวกับความร่วมมือในการทำ MOU ด้านการศึกษา และความร่วมมือด้านอาชีวศึกษาในกัมพูชาด้วย เช่น โครงการพระราชทานความช่วยเหลือ ที่วิทยาลัยกำปงเฌอเตียล และการก่อตั้งสถาบันเทคโนโลยีกำปงสปือ
- การจัดทำหนังสือบันทึกประวัติศาสตร์ “ปั่นเพื่อพ่อ” (Bike for Dad) เพื่อเป็นของที่ระลึกกิจกรรม Bike for Dad ในวันที่ 11 ธันวาคม 2558 โดยขอให้เป็นหนังสือที่มีคุณค่าสำหรับประเทศไทย ที่มีความสวยงามและมีความสมบูรณ์มากที่สุด และขอให้ดำเนินการเสร็จทันตามกำหนดระยะเวลา
- การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2560 ซึ่งจัดทำในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ ตามกรอบยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณ และรายการค่าดำเนินการภาครัฐ เพื่อสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการจะได้ส่งให้สำนักงบประมาณภายในวันที่ 18 ธันวาคมนี้
- กรณีเกิดเหตุเยาวชนทำร้ายร่างกายกัน ขอให้ทุกหน่วยงานช่วยตรวจสอบและรายงานให้รับทราบด้วยว่าผู้ก่อเหตุหรือผู้ได้รับผลกระทบเป็นนักเรียนนักศึกษาในสังกัดหรือไม่อย่างไร
- การรายงานให้คณะรัฐมนตรีรับทราบข้อมูลจำนวนของการผลิตผู้เรียน ขณะนี้กระทรวงศึกษาธิการกำลังรอข้อมูลความต้องการกำลังคนของภาคเอกชน จากสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เพื่อเป็นตัวเลขในการวางแผนผลิตผู้เรียนให้สอดคล้องกับ Demand Side แต่ในระหว่างที่รอข้อมูลนี้ กระทรวงศึกษาธิการจะได้จัดทำข้อมูลการผลิตกำลังคนในปัจจุบันของอาชีวศึกษาและอุดมศึกษาแต่ละกลุ่ม/สาขาอาชีพ เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีได้รับทราบข้อมูลการผลิตที่เป็น Supply Side เพื่อเป็นข้อมูลเปรียบเทียบและวางแผนการผลิตต่อไป
ที่มา ข่าวสำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงศึกษาธิการ วันที่ 16 ธันวาคม 2558