ปลัดศธ.แจงมีกลุ่มรายรับต่อเดือนต่ำกว่า30%จริงแต่ไม่ถึงสิ้นไร้ไม้ตอก
"ดาว์พงษ์" ลั่นครูเป็นหนี้ต้องรับผิดชอบตัวเอง "กำจร" เผยเตรียมเชิญองค์กร สถาบันที่เป็นเจ้าหนี้มาพูดคุยกับ รมว.ศธ. แจงมีครูที่มีรายรับต่อเดือนต่ำกว่า 30% พอสมควร แต่เป็นเงินหลักพัน ไม่ใช่หลักร้อย เพียงพอดำรงชีพ
พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ ศธ.ไปดูเรื่องการแก้ปัญหาหนี้สินครูร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคือ ธนาคารออมสิน ซึ่งจากที่ดูตัวเลขมีครูที่เป็นหนี้สะสมในระบบถึง 1 ล้านล้านบาท โดยนายกฯ ได้ย้ำว่าการแก้ปัญหาอย่างแรก ครูต้องรับผิดชอบตัวเอง การล้างหนี้ให้เป็นไปไม่ได้ รวมถึงให้ไปดูว่าทำไมครูถึงไม่ใช้หนี้ เพื่อหาแนวทางแก้ไขในภาพรวม
นพ.กำจร ตติยกวี ปลัด ศธ. กล่าวว่า วันที่ 14 ธันวาคมนี้ ตนได้เชิญหน่วยงานที่ปล่อยกู้ให้ครูและบุคลากรทางการศึกษา ทั้งธนาคารออมสินและสหกรณ์ออมทรัพย์ มาพูดคุยเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาในภาพรวมร่วมกับ พล.อ.ดาว์พงษ์ โดยที่ผ่านมา นายพินิจศักดิ์ สุวรรณรังค์ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ได้ส่งข้อมูลเงินคงเหลือต่อเดือนของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษามาให้ตนพิจารณาแล้ว แต่ข้อมูลยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ จึงขอให้นายพินิจศักดิ์เร่งสรุปเพื่อนำข้อมูลดังกล่าวมาประกอบการพิจารณาในการประชุมด้วย ซึ่งจากการเปิดเผยข้อมูลครูที่เป็นหนี้ ทั้งที่กู้จากโครงการสวัสดิการเงินกู้กองทุนการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) และแหล่งเงินกู้อื่นๆ ของครู พบว่า ผู้ที่มีรายรับเหลือต่ำกว่า 30% มีพอสมควร แต่จำนวนเงินที่เหลือก็เป็นหลักหลายพัน ไม่ใช่หลักร้อย ถือว่าเพียงพอกับการใช้จ่ายต่อเดือน ไม่ได้เข้าขั้นวิกฤติ ดังนั้นสมมติฐานที่ว่าครูใช้หนี้จนไม่มีเงินเหลือใช้จ่ายนั้นก็อาจไม่เป็นความจริง
“แม้จะเป็นเพียงข้อมูลบางส่วน ก็แสดงให้เห็นว่ามีครูตั้งใจไม่ใช้หนี้ และมีครูที่กู้เงิน ช.พ.ค.ตั้งใจไม่ส่งหนี้ตั้งแต่งวดแรก เพราะเข้าใจว่า สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) จะใช้หนี้ให้ ซึ่งยืนยันว่าไม่จริง ใครเป็นหนี้ก็ต้องใช้ ถ้าไม่ใช้ก็ต้องถูกดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งหากถูกดำเนินการตามกฎหมาย ศธ.คงช่วยอะไรไม่ได้ โดยครูและบุคลากรทางการศึกษากลุ่มนี้อยู่ในจำนวน 13,000 คน ที่ธนาคารออมสินแจ้งว่าจะดำเนินการฟ้องร้อง 13,000 คน และทราบว่าในจำนวนนี้บางส่วนที่เข้าไปติดต่อขอใช้นี้แล้ว ถือเป็นเรื่องดี” นพ.กำจรกล่าว.
ที่มา ไทยโพสต์ วันที่ 10 ธันวาคม 2558