ศธ.เตรียมประชุมถกแก้ไขปัญหาหนี้สินครู หลัง นายกฯ จี้ให้เร่งดำเนินการ "กำจร" เผยครูมีเงินเดือนเหลือพอใช้ ตั้งใจไม่ชำระหนี้
วันนี้ ( 9 ธ.ค.) พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้กระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.)ดูเรื่องการแก้ไขปัญหาหนี้สินครู ร่วมกับธนาคารออมสิน ซึ่งครูมีหนี้สะสมในระบบถึง 1 ล้านล้านบาท โดยนายกฯ ได้ย้ำว่า การแก้ปัญหาอย่างแรกครูต้องรับผิดชอบตัวเอง การล้างหนี้ให้เป็นไปไม่ได้ รวมถึงให้ไปดูว่า ทำไมครูถึงไม่ใช้หนี้ เพื่อหาแนวทางแก้ไขในภาพรวม
ด้าน รศ.นพ.กำจร ตติยกวี ปลัด ศธ.กล่าวว่า วันที่ 14 ธันวาคมนี้ ตนได้เชิญหน่วยงานที่ปล่อยกู้ให้ครูและบุคลากรทางการศึกษา ทั้งธนาคารออมสิน และสหกรณ์ออมทรัพย์ มาพูดคุยเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาในภาพรวม ร่วมกับพล.อ.ดาว์พงษ์ โดยที่ผ่านมานายพินิจศักดิ์ สุวรรณรังค์ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ได้ส่งข้อมูลเงินคงเหลือต่อเดือนของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา มาให้ตนพิจารณาแล้ว แต่ข้อมูลยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์จึงขอให้นายพินิจศักดิ์ เร่งสรุป เพื่อนำข้อมูลดังกล่าวมาประกอบการพิจารณาในการประชุมด้วย
"จากข้อมูลครูที่เป็นหนี้ ทั้งที่กู้จากโครงการสวัสดิการเงินกู้กองทุนการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) และแหล่งเงินกู้อื่นๆ พบว่า ผู้ที่มีรายรับเหลือต่ำกว่า 30% ต่อเดือนมีพอสมควร แต่จำนวนเงินที่เหลือ ก็เป็นหลักหลายพันบาทไม่ใช่หลักร้อยบาท ถือว่าเพียงพอกับการใช้จ่ายต่อเดือน ไม่ได้เข้าขั้นวิกฤติ ดังนั้น สมมติฐานที่ว่าครูใช้หนี้จนไม่มีเงินเหลือใช้จ่ายนั้น ก็อาจไม่เป็นความจริง และเมื่อมีเงินเหลือแม้จะเป็นเพียงข้อมูลบางส่วน ก็แสดงให้เห็นว่ามีครูตั้งใจไม่ใช้หนี้" ปลัด ศธ.กล่าว
รศ.นพ.กำจร กล่าวต่อไปว่า ส่วนกรณีที่มีครูที่กู้เงินช.พ.ค.ตั้งใจไม่ส่งชำระหนี้ตั้งแต่งวดแรก เพราะเข้าใจว่า สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา( สกสค.) จะใช้หนี้ให้นั้น ใครเป็นหนี้ก็ต้องใช้ ถ้าไม่ใช้ก็ต้องถูกดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งหากถูกดำเนินการตามกฎหมาย ศธ.คงช่วยอะไรไม่ได้ โดยครูและบุคลากรทางการศึกษากลุ่มนี้มีอยู่ประมาณ13,000 คน ที่ธนาคารออมสินแจ้งว่า จะดำเนินการฟ้องร้องและทราบว่าในจำนวนนี้บางส่วนเข้าไปติดต่อขอใช้นี้แล้ว ซึ่งถือเป็นเรื่องดี.
ที่มา หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 9 ธันวาคม 2558