Advertisement
ชุลีพร อร่ามเนตร
"ห้องเรียน"เป็นจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้ระหว่างครู-เด็ก เด็ก-เด็ก และครู-ครู ล่าสุด คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับ บริษัท บิโก (ไทยแลนด์) จำกัด(มหาชน) เชิญ "ศ.มานาบุ ซาโต ศาสตราจารย์ มหาวิทยาลัยกักคุชุอิน และศาสตราจารย์กิตติคุณทางด้านการศึกษา มหาวิทยาลัยโตเกียว" ผู้ซึ่งเป็นทั้งนักคิด นักวิชาการ และนักวิจัยระดับแนวหน้าของโลก มานำเสนอแนวคิดเรื่อง "โรงเรียนคือชุมชนแห่งการเรียนรู้ : วิสัยทัศน์ ปรัชญา และระบบกิจกรรม" (School as Learning Community (SLC) : Vision, Philosophies and Activity Systems) แก่ผู้อำนวยการโรงเรียน และคุณครู จากโรงเรียนในกลุ่มสาธิต จำนวน 26 แห่ง
ศ.มานาบุ กล่าวว่า School as Learning Community : SLC หรือ แนวคิดโรงเรียนคือชุมชนของการเรียนรู้ เกิดขึ้นจากการบูรณาการทฤษฎีทั้งหลายเข้าด้วยกัน การปฏิรูปการศึกษาที่ห้องเรียน และในโรงเรียน ถือเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูปสังคม และเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิวัติทางวัฒนธรรม ซึ่งการดำเนินแนวคิด โรงเรียนในฐานะชุมชนแห่งการเรียนรู้ หรือ SLC ไม่ได้มุ่งเน้นเทคนิคในการพัฒนา แต่เป็นการบูรณาการ 3 องค์ประกอบสำคัญรวมเข้าด้วยกัน ได้แก่ วิสัยทัศน์ ปรัชญา และระบบกิจกรรม
"SLC เป็นเรื่องวิสัยทัศน์ ปรัชญาและระบบกิจกรรมเป็นการบูรณาการแนวปฏิบัติ เพื่อส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้อย่างกระตือรือร้น การเรียนรู้ที่เป็นไปอย่างร่วมมือร่วมพลัง และการเรียนรู้ที่เกิดจากการสะท้อนความคิดร่วมกัน โดยอาศัยการศึกษาผ่านบทเรียน ใช้การเรียนรู้เป็นศูนย์กลาง ให้ครูมีเพื่อนร่วมทางในเชิงวิชาชีพ โรงเรียนมีนโยบายที่เป็นอิสระและเป็นประชาธิปไตย โน้มน้าวให้ทุกคนตระหนักถึงสิทธิในการเรียนรู้ของเด็กที่การพัฒนาวิชาชีพครูต้องดำเนินการบนพื้นฐาน ความสัมพันธ์ในเชิงรับฟัง (Listening Relationship) และการฟังเสียงของผู้อื่น (Listening other's voice)" ศ.มานาบุ กล่าว
รศ.ดร.สิริพันธุ์ สุวรรณมรรคา ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาการเรียนรู้และวิชาชีพครู คณะครุศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า แนวคิด SLD จะเป็นการทำให้เห็นว่าวิสัยทัศน์ต้องอยู่ที่ห้องเรียน ชีวิตในชั้นเรียน ทำอย่างไรให้นักเรียนทุกคนไม่มีใครถูกทิ้งหรือโดดเดี่ยว แม้ว่าเด็กคนนั้นจะมีผลสัมฤทธิ์การเรียนที่ต่ำหรืออ่อนด้อยก็จะไม่ถูกทิ้ง
"ห้องเรียนเป็นพื้นที่สาธารณะที่ทุกคนเข้ามาเรียนรู้ ไม่ว่าจะเป็น นักเรียน ครู ผู้ปกครอง ห้องเรียนจะเป็นการจัดแบบเปิดที่จะทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน ภายใต้ปรัชญาของความเป็นประชาธิปไตย คือการให้เกียรติกัน คิด ฟังเสียงของเด็ก ครู ทุกคนคือคนสำคัญ และทุกฝ่ายต้องรับผิดชอบร่วมกัน ร่วมมือกันพัฒนาการศึกษาเพื่อปวงชน ครูต้องรักเด็ก เด็กต้องรักครู เด็กต้องรักกัน" รศ.ดร.สิริพันธุ์ กล่าว
ต่อไปครูต้องทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด โดยครูต้องมาช่วยกันคิด ออกแบบการเรียนรู้ ฝึกพัฒนาการเรียนรู้ และสะท้อนออกมา ให้สามารถพาเด็กก้าวกระโดดไปข้างหน้า ซึ่งมุมมองแบบนี้ โดยเฉพาะการจัดห้องเรียนเป็นมิติที่นักการศึกษาไทยไม่ได้พูดถึง หรือพูดถึงเป็นอันดับท้ายๆ ดังนั้น การปฏิรูปห้องเรียน ยกระดับให้โรงเรียนคือชุมชนแห่งการเรียนรู้ ต้องเปิดโอกาสให้เด็ก ครู ผู้ปกครอง และชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม
ทั้งนี้ปรัชญาใน SLC มี 3 เรื่องสำคัญ ได้แก่ ปรัชญาของความเป็นสาธารณะ (Public Philosophy) โรงเรียนจะต้องเริ่มต้นเป็นที่สาธารณะเป็นพื้นที่เปิด และครูทุกคนควรเปิดชั้นเรียนของตัวเองแก่สาธารณะ เพื่อสร้างชุมชนการเรียนรู้เชิงวิชาชีพของตน ปรัชญาของความเป็นประชาธิปไตย(Democratic Philoso phy) ให้ความสนใจ วิถีของการมีชีวิตที่เชื่อมโยงกัน เพื่อให้สมาชิกทุกคนเป็นบุคคลสำคัญของโรงเรียน และ ปรัชญาของความเป็นเลิศ (Philosophy of Excel lence) กิจกรรมการสอน และการเรียนรู้ต้องจูงใจสู่ความเป็นเลิศ สร้างแรงจูงใจในการเรียนรู้อย่างกระตือรือร้น ต่อเนื่อง ส่วนระบบกิจกรรม ต้องประกอบด้วย 3 องค์ประกอบคือ เด็ก: การเรียนรู้อย่างร่วมมือในห้องเรียน ครู: ความเป็นเพื่อนร่วมวิชาชีพของครูที่เกิดจากกิจกรรมศึกษาผ่านบทเรียนที่ทุกคนดำเนินการร่วมกัน และผู้ปกครอง : การมีส่วนร่วมรับผิดชอบการเรียนรู้ของเด็กร่วมกับโรงเรียน
แนวคิดการเรียนการสอนแบบใหม่ที่ใช้การสื่อสารด้วยการพูดคุย ทุกคนสำคัญ และเน้นการเกื้อกูลต่อกัน คนเก่งต้องช่วยคนที่ไม่เก่ง ทำงานเป็นเครือข่าย นักเรียนทุกคน ครูทุกคน โรงเรียนทุกโรงเรียน เป็นศูนย์กลางของตนเอง และเชื่อมโยง แลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน เพราะการศึกษาไม่ใช่การแข่งขันเพื่อเอาชนะ แต่เป็นการส่งเสริมการเรียนรู้ พัฒนาเด็กให้ประสบความสำเร็จบูรณาการทุกศาสตร์และความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเข้าด้วยกัน
ที่มา: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
Advertisement
เปิดอ่าน 7,649 ครั้ง เปิดอ่าน 10,246 ครั้ง เปิดอ่าน 10,559 ครั้ง เปิดอ่าน 9,658 ครั้ง เปิดอ่าน 22,368 ครั้ง เปิดอ่าน 18,785 ครั้ง เปิดอ่าน 13,514 ครั้ง เปิดอ่าน 14,555 ครั้ง เปิดอ่าน 15,099 ครั้ง เปิดอ่าน 10,141 ครั้ง เปิดอ่าน 12,454 ครั้ง เปิดอ่าน 8,162 ครั้ง เปิดอ่าน 29,342 ครั้ง เปิดอ่าน 9,157 ครั้ง เปิดอ่าน 9,940 ครั้ง เปิดอ่าน 11,349 ครั้ง
|
เปิดอ่าน 14,190 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 12,514 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 10,605 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 21,335 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 9,859 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 8,679 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 75,081 ☕ คลิกอ่านเลย |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡
เปิดอ่าน 34,789 ครั้ง |
เปิดอ่าน 13,655 ครั้ง |
เปิดอ่าน 9,246 ครั้ง |
เปิดอ่าน 14,802 ครั้ง |
เปิดอ่าน 25,613 ครั้ง |
|
|