ศธ.แจ้ง’ฉ้อโกง’ซื้อตั๋ว 2.5 พันล.’สมศักดิ์-เกษม-ผู้บริหารบิลเลี่ยน’แล้ว’ธเนศพล’ลุยสอบฝากขายหนังสือ อค.
เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม พล.อ. ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยกรณีที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอให้ ศธ.ปฏิบัติตามคำสั่งของนายกฯ ที่ให้ดำเนินการตามคำวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดิน กรณีเสนอให้ดำเนินคดีอาญาข้อหาฉ้อโกงกับผู้เกี่ยวข้องในการอนุมัติให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ซื้อตั๋วสัญญากับบริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด โดยที่ผ่านมา ศธ.ได้แจ้งความดำเนินคดีกับนายสมศักดิ์ ตาไชย อดีตเลขาธิการ สกสค. นายเกษม กลั่นยิ่ง อดีตประธานคณะกรรมการกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษและส่งเสริมความมั่นคงตามโครงการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) ข้อหาปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและยักยอกทรัพย์และแจ้งความกับกรรมการบริหารบริษัทบิลเลี่ยนฯ ข้อหาสนับสนุนให้เจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และทำลายหรือทำให้ไร้ประโยชน์ตราประทับหรือเครื่องหมายอันเจ้าพนักงานได้ประทับหรือหมายไว้ในการปลอมแปลงตั๋วสัญญาว่า ได้ลงนามในหนังสือรับทราบรายงานผลกรณีที่ สกสค.แจ้งความดำเนินคดีอาญาข้อหาฉ้อโกง กับอดีตผู้บริหาร สกสค. ทั้งนายสมศักดิ์ นายเกษม และผู้บริหารบริษัทบิลเลี่ยนฯ ตามที่ผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอแล้ว
แหล่งข่าวจากสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่า สกสค.ได้ทำหนังสือแจ้งผู้ตรวจการแผ่นดินแล้วว่าได้เปลี่ยนการแจ้งความดำเนินคดีกับ ผู้เกี่ยวข้องกับการซื้อตั๋วสัญญา 2,500 ล้านบาทกับบริษัทบิลเลี่ยนฯ แล้ว จากเดิมที่แจ้งความในข้อหายักยอกทรัพย์ มาเป็นฉ้อโกง ซึ่งในส่วนของผู้ที่เป็นเจ้าพนักงานของรัฐ มีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 8 เจ้าพนักงานที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจในหน้าที่โดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่องค์กร เข้าข่ายต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5-20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต รวมถึงต้องจ่ายค่าปรับ ขณะที่ผู้บริหารบริษัทเอกชน เข้าข่ายจำคุกตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป และชดใช้เงินทั้งหมดด้วย
นายธเนศพล ธนบุณยวัฒน์ หัวหน้าคณะทำงานกำหนดแนวทางการประเมินประสิทธิภาพและติดตามการดำเนินงานขององค์การค้า (อค.) ของ สกสค. กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีที่คณะทำงานเสนอให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ขอความร่วมมือโรงเรียนในสังกัด สพฐ.ให้สั่งซื้อหนังสือเรียน 4 กลุ่มสาระการเรียนรู้ คือ วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภาษาไทย และสังคมศึกษา จาก อค.เพียงแห่งเดียว ทำให้สำนักพิมพ์ที่ได้รับผลกระทบ เข้าร้องเรียนต่อ พล.อ.ดาว์พงษ์ เนื่องจากเห็นว่าอาจจะเป็นการผูกขาดและขัดต่อกฎหมายที่ให้ อค.เปิดแข่งขันโดยเสรีนั้น ขณะนี้ พล.อ.ดาว์พงษ์ได้ให้ฝ่ายกฎหมายไปดูประเด็นข้อกฎหมายว่าเป็นการผูกขาดหรือไม่ หากไม่ผิด คณะทำงานจะเสนอให้ สพฐ.สนับสนุนการซื้อหนังสือเรียนจาก อค. เป็นลำดับแรกต่อไป ยืนยันว่าการดำเนินการทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย โดยยึดประโยชน์ของนักเรียนเป็นหลัก
"เมื่อเร็วๆ นี้ได้พูดคุยกับบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง กรณีการฝากขายหนังสือกับ อค. แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป โดยต้องคุยกับผู้เกี่ยวข้องส่วนอื่นๆ ด้วย เบื้องต้นยังไม่พบประเด็นทุจริต และตอนนี้เรื่องดังกล่าวยังไม่มีหน่วยงานกลางชี้มูลความผิด ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นต้น หากมีหน่วยงานใดชี้มูลมา ก็ต้องนำข้อมูลมาตรวจสอบด้วย" นายธเนศพลกล่าว
ที่มา มติชน ฉบับวันที่ 5 ธ.ค. 2558 (กรอบบ่าย)