นายสุรชัย ดนัยตั้งตระกูล ประธานกรรมการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) เปิดเผยว่า ธนาคารพร้อมสนับสนุนโครงการบ้านประชารัฐ โดยเข้าไปมีส่วนร่วมกับการเคหะแห่งชาติ(กคช.)และผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ จัดทำผลิตภัณฑ์สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำเพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้มีรายได้น้อยมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองและลดปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม ซึ่งมีความเป็นไปได้ทั้งการปล่อยกู้ให้กับผู้ประกอบการที่ทำโครงการ และการปล่อยกู้ให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยซื้อบ้าน
กคช.และกรมธนารักษ์เตรียมพื้นที่สำหรับโครงการบ้านประชารัฐไว้แล้ว รอคณะกรรมการโครงการที่มีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานสรุปว่าจะใช้พื้นที่ใด และกำหนดรายละเอียดออกมา ทั้งนี้จากการสำรวจพบว่าประชาชนมีความต้องการที่อยู่อาศัยถึง 2.7 ล้านยูนิต แต่คงไม่ได้ทำทั้งหมดในคราวเดียว จะทยอยทำเป็นล็อตๆ คาดว่าล็อตแรกประมาณ 6-7 หมื่นยูนิต ราคาต่อยูนิตประมาณ 5-6 แสนบาท
"ธอส. ถือเป็นสถาบันการเงินที่มีความแข็งแกร่ง สามารถรักษาความสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง คาดว่าผลการดำเนินงานจะเป็นไปตามเป้าหมาย ทั้งสินเชื่อปล่อยใหม่ 1.49 แสนล้านบาท กำไร 8.8 พันล้านบาท ขณะที่อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) อยู่ในระดับแข็งแกร่งมากที่ 15.46% สูงกว่าอัตราเงินกองทุนขั้นต่ำ 8.50% จึงเชื่อว่า ธอส. มีความพร้อมสูงในการดำเนินการตามนโยบายต่างๆ ของรัฐบาลเพิ่มเติม เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ พร้อมปิดช่องว่างของกลุ่มลูกค้าที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินจากธนาคารพาณิชย์ได้"
นายฉัตรชัย ศิริไล รองกรรมการผู้จัดการธนาคาร ธอส. เปิดเผยว่า เงื่อนไขการปล่อยสินเชื่อในโครงการบ้านประชารัฐต้องผ่อนปรนเพื่อให้ผู้มีรายได้น้อยผ่อนชำระได้ คาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะต้องอยู่ในระดับต่ำ แต่ต้องสูงกว่าต้นทุนการเงินของธนาคาร โดยปัจจุบันต้นทุนการเงินของธนาคารอยู่ที่ระดับ 2%กว่าๆ อัตราดอกเบี้ยในโครงการนี้คงไม่เกิน 3% ส่วนเงื่อนไขสัดส่วนความสามารถชำระหนี้ต่อรายได้ หรือดีเอชอาร์ (DHR) อาจจะผ่อนปรนได้ถึง 50-60% จากปกติกำหนดที่ 33.33% โดยคิดเป็นการผ่อนชำระต่อเดือนเฉลี่ย 2,000 บาท ขณะที่โครงการสินเชื่อบ้านผู้มีรายได้น้อยผ่อนปรนที่ 40-50%
นางไลวรรณ ปองเสงี่ยม รองกรรมการผู้จัดการ และรักษาการกรรมการผู้จัดการ ธอส. เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานของธนาคารในปีนี้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยปีหน้าธนาคารตั้งเป้าการปล่อยสินเชื่อใหม่ไว้ที่ 1.57 แสนล้านบาท เติบโตในระดับ 5% จากปีนี้ และตั้งเป้ากำไรไว้ที่ 9 พันล้านบาท
ที่มา teenee วันที่ 3 ธันวาคม 2558