ออกกฎหมายกันบริษัทล้มละลายโอนเงินไม่ผ่าน หวังช่วยให้ผู้โอนเงินแล้วถูกฟ้องล้มละลายโอนเงินผ่านฉลุย หวั่นเกิดผลกระทบคนรับเงินเจอปัญหาลามเป็นลูกโซ่
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม. ได้อนุมัติร่างพ.ร.บ.ระบบการชำระเงิน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ เพื่อช่วยรองรับระบบชำระเงินและการโอนเงินได้อย่างต่อเนื่อง และไม่ให้กระทบกับผู้ที่รับเงิน ในกรณีที่สมาชิกในระบบถูกศาลสั่งรับคำร้องขอให้ฟื้นฟูกิจการ หรือสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของสมาชิกในระบบ ขณะเดียวกันยังเป็นการรวบรวมกฎหมายที่เกี่ยวข้อง 2 ฉบับเข้าด้วยกัน คือ พ.ร.ฎ.ว่าด้วยการดูแลควบคุมธุรกิจบริการการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2551 และประกาศกระทรวงการคลัง เรื่องกิจการที่ต้องขออนุญาตตามข้อ5 แห่งประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 58 เกี่ยวกับเรื่องการประกอบธุรกิจบัตรเงินอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจะช่วยลดความซับซ้อนของกฎหมายที่เกี่ยวกับกระบวนการชำระเงินให้มาอยู่ที่เดียวกัน
“เดิมที กำหนดให้สถาบันหนึ่งเมื่อได้โอนเงินให้สถาบันอีกหนึ่ง เมื่อได้โอนเงินไปแล้ว ปรากฏว่า กลับมีคำสั่งศาลให้ผู้ที่โอนเงินไปล้มละลาย ทำให้การโอนเงินที่ทำมาแล้วต้องชะงัก หรือยกเลิก ส่งผลกระทบกับสถาบันที่ได้รับเงิน และเกิดผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อไปอีกหลายส่วน ดังนั้นกระทรวงการคลังจึงต้องเสนอกฎหมายฉบับดังกล่าวขึ้นมาด้วยการกำหนดให้ สถาบันใดก็แล้วแต่ เมื่อโอนเงินเสร็จสิ้นตามกระบวนการแล้ว ต่อมาภายหลังมีคำสั่งของศาลมาว่า ล้มละลาย สิ่งที่โอนไปแล้ว จะเพิกถอนกลับมาไม่ได้ เพราะถือว่าได้ดำเนินการจนสิ้นสุดไปแล้ว”
อย่างไรก็ตามสำนักงานศาลยุติธรรม ได้มีความเห็นว่า การออกกฎหมายฉบับดังกล่าวอาจมีจุดบกพร้องบางประการ โดยหน่วยงานที่รับผิดชอบต้องไปพิจารณาด้วยว่า ในกรณีดังกล่าวอาจเกิดผลเสียขึ้น เช่น กรณีของบริษัทเอ จะชำระเงินไปยังบริษัทบี โดยที่บริษัทเอ รู้ตัวว่าบริษัทจะถูกฟ้องล้มละลายในเวลาไม่นาน ดังนั้นจึงรีบโอนเงินไปยังบริษัทบี ที่อาจเป็นบริษัทลูก ซึ่งอาจเป็นการยักย้ายทรัพย์ไปยังบริษัทหนึ่ง และหากฎหมายฉบับนี้มีผลบังคับใช้ ก็แสดงว่า ต้องยักย้ายทรัพย์ไปได้ โดยที่คำสั่งศาลไม่มีอำนาจเพิกถอนเงินที่โอนไปกลับคืนมา จึงอาจเกิดปัญหาขึ้น ซึ่งที่ประชุมครม.จึงได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณารายละเอียด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดกรณีดังกล่าวขึ้น
สำหรับ สาระสำคัญของร่างกฎหมายนี้ ได้กำหนดให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีอำนาจในการจัดตั้งและดำเนินการระบบการชำระเงินที่มีความสำคัญต่อความมั่น คงของประเทศ และกำหนดหลักเกณฑ์ในเรื่องที่เกี่ยวกับการดูแลระบบการชำระเงิน ตั้งแต่ กระบวนการในการปฏิบัติงานของระบบ คุณสมบัติและหลักเกณฑ์ในการรับสมาชิก สิทธิ หน้าที่ และความรับผิดชอบของผู้ให้บริการและสมาชิกของระบบมาตรการจัดการความเสี่ยง ด้านต่าง ๆ ในระบบมาตรการในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของระบบการเรียกร้องสิทธิและค่าชด เชย และการจัดการกรณีฉุกเฉิน พร้อมให้รัฐมนตรีมีอำนาจประกาศกำหนดระบบชำระเงินอื่นใดเป็นระบบการชำระเงิน ที่มีความสำคัญต่อความมั่นคงของประเทศได้
ทั้งนี้ยังกำหนดให้การโอนเงิน การชำระดุล หรือการหักบัญชี ผ่านระบบการชำระเงินที่ได้ดำเนินการสำเร็จและมีผลสมบูรณ์ตามหลักเกณฑ์ของ ระบบแล้วไม่สามารถเพิกถอนกลับรายการ สั่งให้แก้ไขได้ หรือหยุดระงับได้ และไม่นำผลของคำสั่งศาลพิทักษ์ทรัพย์หรือล้มละลายที่มีผลตั้งแต่ต้นวันมาใช้ บังคับกับการดำเนินการดังกล่าวผ่านระบบการชำระเงินก่อนสิ้นวันที่ศาลมีคำ สั่งรับคำร้องขอให้ฟื้นฟูกิจการหรือมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของสมาชิก รวมทั้งให้มีการคุ้มครองหลักประกันเพื่อการชำระดุลของสมาชิกในระบบการชำระ เงินที่มีความสำคัญด้วย
เช่นเดียวกับการกำหนดหลักการการกำกับดูแลระบบการชำระเงินภายใต้การกำกับโดยให้อำนาจรมว.คลังประกาศกำหนดว่า ระบบการชำระเงินใดบ้างที่จะอยู่ภายใต้การกำกับและเป็นผู้ออกใบอนุญาตการประกอบธุรกิจ และให้อำนาจ ธปท. ในการประกาศกำหนดคุณสมบัติของผู้ประกอบธุรกิจและหลักเกณฑ์การขอรับอนุญาต ลักษณะต้องห้ามการเป็นผู้บริหาร และหลักเกณฑ์การเลิกประกอบกิจการหรือหยุดประกอบกิจการเป็นการชั่วคราว เป็นต้น
ที่มา หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 1 ธันวาคม 2558