รมว.ศึกษาธิการ ยันจัดการผู้ทุจริต สกสค. ขอดูข้อมูลการฟ้องอดีตบิ๊กสกสค. หลังผู้ตรวจการแผ่นดินเตือนให้แจงข้อหา ฉ้อโกง
วันนี้ (30 พ.ย.) พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ตามที่ ศธ.ได้แจ้งความดำเนินคดีกับนายสมศักดิ์ ตาไชย อดีตเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพและบุคลากรทางการศึกษา(สกสค.) และนายเกษม กลั่นยิ่ง อดีตประธานคณะกรรมการกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษและส่งเสริมความมั่นคงตามโครงการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา(ช.พ.ค.) ข้อหาปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและยักยอกทรัพย์ และมีกระแสข่าวว่ามีอดีตกรรมการ สกสค.บางคนกำลังหลบหนีออกนอกประเทศนั้น ตนไม่ทราบว่ามีใครหลบหนีออกนอกประเทศหรือไม่ แต่ตอนนี้ศาลยังไม่ตัดสิน ถ้าหนีออกนอกประเทศจริง เรียกว่ากินปูนร้อนท้องหรือไม่ และก็ต้องว่ากันไปตามกฎหมายการส่งผู้ร้ายข้ามแดน
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า ส่วนกรณีที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินจะส่งหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้ตรวจสอบกรณีที่ ศธ.ไม่ปฏิบัติตามตำสั่งนายกฯที่ให้ ศธ.ดำเนินการตามที่คำวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดินที่เสนอให้ดำเนินคดีอาญาข้อหาฉ้อโกงกับผู้เกี่ยวข้องในการอนุมัติให้สำนักงาน สกสค.ซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินกับ บริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็จ กรุ๊ป จำกัด แต่ ศธ.แจ้งความดำเนินคดีเอาผิดอดีตผู้บริหารสองรายในข้อหายักยอกทรัพย์เท่านั้น ตนจะนำเรื่องนี้กลับมาดูด้วยว่า มีการแจ้งความผิดถูกต้องหรือไม่ ฝ่ายกฎหมายของ สกสค.ก็ต้องกลับไปดูว่า ที่ถูกที่ควรเป็นอย่างไร อย่างไรก็ตามยอมรับว่าการดำเนินการที่ผ่านมามีความล่าช้า แต่ยืนยันว่าหากใครทำผิดจะไม่มีการละเว้น แต่การแจ้งความเอาผิดกับใครจะต้องดูให้ดี เพราะคนที่ถูกกล่าวหาจะได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่เล็ก ๆ ที่ต้องทำตามคำสั่ง ถ้าไม่เซ็น ไม่ยอมก็อยู่ไม่ได้ แต่ถ้าเซ็นไปแล้วก็ต้องรับผิดชอบตามกฎหมาย ถือเป็นบทเรียนว่าอย่าทำตามคำสั่งที่ไม่ถูกต้อง
“ผมจะนำข้อมูลจากผู้ตรวจการแผ่นดิน และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) มาดู เพราะถือว่าเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์ ตอนนี้ตัวผมเองรู้สึกว่าเรื่องนี้ดำเนินการช้า และกำลังจ้องบางคนที่ดึงเกมอยู่”รมว.ศึกษาธิการกล่าวและว่า ส่วนกรณีที่ทนายความของนายสมมาตร์ มีศิลป์ อดีตผู้อำนวยการองค์การค้าของ สกสค.จะใช้สิทธิ์ทางศาล ขอความเป็นธรรมกรณีที่ บอร์ด สกสค. มีมติยกเลิกสัญญาจ้างนายสมมาตร์นั้น เรื่องนี้ถือเป็นสิทธิตามขั้นตอน ซึ่งเดิมนายสมมาตร์ ได้ท้วงติงว่า ช่วงเวลาการประเมินไม่เหมาะสม เพราะผ่านการดำเนินการมาแล้วตั้งแต่ปี 2557 แต่ บอร์ด สกสค.ได้พิจารณา โดยยึดตามเงื่อนไขในสัญญาจ้างสรุปว่า การทำงานไม่ผ่านการประเมินตามเงื่อนไขสัญญา และในสัญญาจ้างก็ไม่ได้ระบุช่วงเวลาการประเมินไว้ จึงมีมติดังกล่าวออกมา
ที่มา หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2558