เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน แหล่งข่าวจากสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เปิดเผยกรณีที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้แจ้งความดำเนินคดีกับนายสมศักดิ์ ตาไชย อดีตเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) และนายเกษม กลั่นยิ่ง อดีตประธานคณะกรรมการกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษและส่งเสริมความมั่นคงตามโครงการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) ข้อหาปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและยักยอกทรัพย์ และแจ้งความกับกรรมการบริหารบริษัทบิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด จำนวน 9 ราย ข้อหาสนับสนุนให้เจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และทำลายหรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งตราหรือเครื่องหมายอันเจ้าพนักงานได้ประทับหรือหมายไว้ ในการปลอมแปลงตั๋วสัญญา นอกจากนี้ยังดำเนินการสอบสวนวินัยร้ายแรงเจ้าหน้าที่ สกสค. จำนวน 6 ราย รวมถึงคณะกรรมการบริหารองค์การค้า (อค.) ของ สกสค. มีมติเลิกสัญญาจ้างนายสมมาตร์ มีศิลป์ อดีตผู้อำนวยการ อค. ภายหลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีบัญชาให้ ศธ.ดำเนินการตามที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินนำเสนอ โดยให้แจ้งความดำเนินคดีอาญาข้อหาฉ้อโกงกับอดีตคณะกรรมการ สกสค.และคณะกรรมการบริหารบริษัท บิลเลี่ยนฯ ที่เกี่ยวข้องกับกรณีการอนุมัติซื้อตั๋วสัญญานั้นว่า ผู้ตรวจการแผ่นดินได้เสนอให้ดำเนินคดีตามกฎหมายประมวลอาญากับอดีตคณะกรรมการ สกสค.และผู้บริหารบริษัท บิลเลี่ยนฯ มาตรา 83, 86, 157, 162, และ 138
แหล่งข่าวคนเดิมกล่าวต่อว่า พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต, พ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ ซึ่งบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการร่วมกระทำความผิดดังกล่าว นอกจากนายเกษมและนายสมศักดิ์ แล้วยังมีคณะกรรมการกองทุนเงินสนับสนุนฯ ช.พ.ค.อีก 15 ราย ในจำนวนนี้เป็นพนักงาน ซึ่งผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอให้สอบวินัยร้ายแรง และดำเนินคดีอาญาด้วย จำนวน 6 ราย ขณะที่ ในส่วนของกรรมการบริหารบริษัท บิลเลี่ยนฯ มีผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด 9 ราย โดยการที่ ศธ.แจ้งความดำเนินคดีในข้อหาปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและยักยอกทรัพย์กับนายเกษมและนายสมศักดิ์นั้น ถือว่าไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของนายกฯ ที่ให้ ศธ.ดำเนินการตามคำวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดิน
Advertisement
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า ดังนั้นในสัปดาห์นี้ผู้ตรวจการแผ่นดินจะทำหนังสือแจ้งเรื่องดังกล่าวไปยังนายกฯ เพราะการแจ้งข้อหายักยอกทรัพย์กับฉ้อโกงนั้นมีความแตกต่างกัน ขณะเดียวกันต้องรอดูว่า ศธ.จะแจ้งความเอาผิดกับผู้เกี่ยวข้องในส่วนที่เหลือได้ครบหรือไม่ ส่วนความคืบหน้าการตรวจสอบกรณี สกสค.นำเงินกองทุนเงินสนับสนุนฯ ช.พ.ค. ไปซื้อหุ้นบริษัทหนองคายน่าอยู่ จำกัด วงเงิน 800 ล้านบาท เพื่อลงทุนโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานขยะชุมชน บ้านป่าตอง ต.โพนสว่าง อ.เมือง จ.หนองคาย นั้น คาดว่าสัปดาห์นี้จะได้ข้อสรุป
นายพินิจศักดิ์ สุวรรณรังค์ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ในฐานะปฏิบัติหน้าที่ สกสค. กล่าวว่า สาเหตุที่แจ้งความดำเนินคดีกับ นายเกษม นายสมศักดิ์ และกรรมการบริหารบริษัทบิลเลี่ยนฯ ก่อนนั้น เพราะเอกสารหลักหนังสือพิมพ์มติชนรายวันฐานต่างๆ ค่อนข้างชัดเจน ส่วนที่เหลือ สกสค.จะส่งหนังสือไปขอหลักฐานเพิ่มเติมจากสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ส่วนพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ถูกสอบวินัยร้ายแรงทั้ง 6 คนนั้น หากพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตจริงก็จะต้องถูกดำเนินคดีอาญาด้วย อย่างไรก็ตาม สกสค.ไม่ได้นิ่งนอนใจ เพราะการแก้ปัญหาทุจริตถือเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลและนายกฯ ทั้งนี้หากพบว่าใครเกี่ยวข้องกับการทุจริตจะไม่มีละเว้นแน่นอน
ด้านทีมทนายความของนายสมมาตร์กล่าวว่า ตนเพิ่งทราบกรณีที่คณะกรรมการบริหาร อค. มีมติยกเลิกสัญญาจ้างนายสมมาตร์ โดยทางทีมทนายความจะรวบรวมเอกสารหลักฐานเพื่อหารือกับนายสมมาตร์ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป เบื้องต้นคงต้องใช้สิทธิทางศาล เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม แต่จะฟ้องใครและฟ้องข้อหาอะไรบ้างนั้น ยังไม่สามารถตอบได้
รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะนี้อดีตกรรมการ สกสค.ที่ถูกดำเนินคดี 1 ราย ได้เดินทางออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านบริเวณด่านสิงขร จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งคาดว่าอาจหลบหนีการดำเนินคดีในเรื่องดังกล่าว
ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน