รมว.ศึกษาธิการ เผยตามติดคดีทุจริต สกสค.มาโดยตลอด สั่ง “พินิจศักดิ” ลุย ฟ้องบริษัท บิลเลี่ยนฯ – เกษม-สมศักดิ์ พร้อมสอบวินัยเจ้าหน้าที่ 6 ราย กำชับตามเงินหุ้นโรงไฟฟ้าพลังงานขยะหนองคายน่าอยู่กลับคืนมาให้ได้
วันนี้(27 พ.ย.) พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ดำเนินการตามที่ผู้ตรวจการแผ่นดินชี้มูลความผิดฐานฉ้อโกงกรณีสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา(สกสค.) ซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินกับบริษัท บิลเลี่ยนอินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด ว่า ประเด็นที่เกี่ยวกับบริษัทบิลเลี่ยนฯ มีมูลค่าความเสียหายกว่า 3,000 ล้านบาท ที่ผ่านมาศธ.ไม่ได้นิ่งนอนใจ ตั้งแต่ตนเข้ามารับตำแหน่ง รมว.ศึกษาธิการ ก็ได้เชิญตัวแทนจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ป.ป.ง.) สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และคณะกรรมการตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ(คตร.) มาให้ข้อมูลและมีข้อเสนอโอนคดีให้ดีเอสไอเป็นผู้ดำเนินการ แต่เนื่องจากทางป.ป.ช.ยืนยันว่าได้ดำเนินการตรวจสอบ พร้อมรวบรวมข้อมูลประเด็นบริษัทบิลเลี่ยนฯ มีความคืบหน้าไปกว่า80% แล้วและใกล้จะได้ข้อสรุป ดังนั้นจึงไม่มีการโอนเรื่องดังกล่าวไปให้ดีเอสไอ
รมว.ศึกษาธิการกล่าวต่อไปว่า ส่วนกรณีที่ประธานผู้ตรวจการแผ่นดินทำหนังสือถึงตนให้ ศธ.ดำเนินการตามคำวินิจฉัยของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)ในทุกประเด็นนั้น ในการประชุมคณะกรรมการ สกสค.ที่ผ่านมาตนได้มอบให้นายพินิจศักดิ์ สุวรรณรังค์ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูแลบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ปฎิบัติหน้าที่เลขาธิการ สกสค.ไปดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องแล้ว สำหรับกรณีที่สตง.ให้ดำเนินการกับธนาคารแห่งหนึ่งที่อนุมัติให้ปิดบัญชีและเบิกถอนเงินของสกสค.ที่ฝากไว้ จำนวน 2,100 ล้านบาท โดยให้ทางธนาคารชดใช้คืน เพราะถือว่าเจ้าหน้าที่ธนาคารมีความประมาทเลินเล่อก่อให้เกิดความเสียหายนั้น สกสค.ได้ประสานงานกับธนาคารดังกล่าวแล้ว ซึ่งก็ได้รับความร่วมมืออย่างดีในการแก้ไขปัญหา ทั้งนี้ตนจะหาทางเอาเงินจำนวนดังกล่าวกลับคืนมาให้ได้
“ผมไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยได้ติดตามการดำเนินงานของทุกฝ่ายอย่างต่อเนื่องซึ่งผมยึดกฎหมายเป็นที่ตั้ง ใครผิดก็ต้องว่าไปตามผิด และผมโชคดีที่เป็นคนใหม่มาดำรงตำแหน่งไม่นานไม่รู้จักใคร จึงไม่ต้องมานั่งตอบแทนบุญคุณใคร ทั้งนี้ บุคลากรใน ศธ.ที่ทำงานกับคนผิดก็ต้องรู้จักแยกแยะไม่สนับสนุนคนที่ทำผิด”รมว.ศึกษาธิการ กล่าว
Advertisement
ด้านนายพินิจศักดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้สกสค.ได้แจ้งความดำเนินคดีกับนายเกษม กลั่นยิ่ง อดีตประธานกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษและส่งเสริมความมั่นคงตามโครงการสวัสดิการเงินกู้ฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา(ช.พ.ค.) และนายสมศักดิ์ ตาไชย อดีตเลขาธิการ สกสค.ในข้อหาเจ้าพนักงานปฎิบัติหรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบและยักยอกทรัพย์ ขณะเดียวกันก็ได้แจ้งความกับกรรมการบริษัทบิลเลี่ยนฯ จำนวน 9 คนในข้อหาสนับสนุนให้เจ้าพนักงานปฎิบัติหรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบและปลอมแปลงเอกสารสัญญา นอกจากนี้ยังดำเนินการสอบสวนทางวินัยเจ้าหน้าที่ สกสค. จำนวน 6 รายด้วยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไรบ้าง โดยย้ายให้ไปปฎิบัติหน้าที่อื่นแล้ว
นายพินิจศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า ส่วนกรณีของบริษัท หนองคายน่าอยู่นั้นตนได้ทำหนังสือไปถึงกรรมการบริษัทถึง 2 ครั้ง เพื่อขอดูรายงานการเงินแก่ผู้ซื้อหุ้นซึ่งต้องรายงานทุก 6 เดือนโดยที่ผ่านมา สกสค.ได้ซื้อหุ้นของบริษัทในราคาหุ้น10 บาท และมาเป็นหุ้นละ 25บาท รวม 800 ล้านบาท เพื่อลงทุนโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานขยะชุมชนบ้านป่าตอง ต.โพนสว่าง อ.เมือง จ.หนองคาย ในปี 2557 ซึ่งบริษัทยังไม่ส่งรายงานมาให้ โดยคณะกรรมการสกสค.ก็จะมาดู ซึ่งเงินส่วนนี้จะต้องไม่หายไปไหนถ้าหายก็แสดงว่ามีการทุจริตเกิดขึ้นและเราจะดำเนินการต่อไป
ที่มา หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 27 พฤศจิกายน 2558