ครม. มีมติปิดฉากโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 กรอบวงเงิน 2 แสนล้านบาท
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบปิดโครงการลงทุนตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ซึ่งใช้เงินลงทุนจาก พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ 2552 ในส่วนวงเงินคงเหลือ 1.52 หมื่นล้านบาท ซึ่งก่อนหน้านี้ ครม.มีมติอนุมัติให้นำเงินดังกล่าวมาใช้ดำเนินการตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 3 เดือนแรกของรัฐบาล
ทั้งนี้ สำนักงบประมาณได้เสนอผลการดำเนินการที่ผ่านมา พบว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถเบิกจ่ายงบทั้งสิ้น 1.17 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 78.09% ของวงเงินคงเหลือทั้งหมด แต่ยังมีวงเงินที่ลงนามในสัญญาแล้วแต่ไม่สามารถเบิกจ่ายได้ภายในวันที่ 30 ก.ย. จำนวน 1,266 ล้านบาท และวงเงินที่ไม่สามารถลงนามในสัญญาได้ภายใน 31 ก.ค. 2558 อีก 106 ล้านบาท
ดังนั้น ครม.จึงมติเห็นชอบให้ยกเลิกโครงการในส่วนของวงเงินไม่สามารถลงนามในสัญญาได้ภายในวันที่ 31 ก.ค. 2558 ส่วนโครงการที่ลงนามในสัญญาแล้ว แต่ยังไม่สามารถเบิกจ่ายได้ทันภายในวันที่ 30 ก.ค. ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเบิกจ่ายได้ภายใน 360 วันนับจากวันที่ลงนามในสัญญา ซึ่งการขยายเวลาครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อการเบิกจ่ายงบและเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจ ภาพรวม
Advertisement
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า หลังจากพิจารณาประเด็นข้างต้นแล้ว ครม.ได้มีมติให้ปิดโครงการลงทุนภายใต้ปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง โดยให้สำนักงบประมาณเป็นผู้พิจารณาอนุมัติหลักเกณฑ์และวิธีการภายใต้วงเงินสำรองจ่ายคงเหลือ 322 ล้านบาท
ด้าน สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ให้ความเห็นกับ ครม.ว่า การปิดโครงการไทยเข้มแข็งเป็นการดำเนินการที่มีขั้นตอนที่ถูกต้อง แต่ควรมีมาตรการติดตามเร่งรัดการลงทุนกระตุ้นเศรษฐกิจในวงเงินที่เหลือ 1,200 ล้านบาท ให้ได้ภายใน 360 วัน เพื่อให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจอย่างแท้จริง
นอกจากนี้ ครม.ยัง เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาเบิกจ่ายงบประมาณภายใต้มาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล หรือโครงการตำบลละ 5 ล้านบาท จากเดิมที่กำหนดให้ทางจังหวัดส่ งรายละเอียดโครงการให้สำนักงบประมาณในเขตพื้นที่พิจารณาภายในวันที่ 15 ต.ค. และต้องเบิกจ่ายให้เสร็จในวันที่ 31 ม.ค. 2559 แต่เนื่องจากจังหวัดแจ้งว่าดำเนินการไม่ทัน ครม.จึงมีมติให้ขยายระยะเวลาเบิกจ่ายงบตามโครงการนี้ออกไปเป็นวันที่ 31 มี.ค. 2559
ที่มา หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ วันที่ 25 พฤศจิกายน 2558