นายการุณ สกุลประดิษฐ์ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.)เปิดเผยว่า จากการติดตามการจัดกิจกรรมตามนโยบายลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ ของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) ซึ่งดำเนินการมาเป็นสัปดาห์ที่ 2 แล้ว ปรากฏว่า โรงเรียนที่เข้าโครงการส่วนใหญ่สามารถจัดกิจกรรมได้เป็นอย่างดี แต่บางโรงเรียนก็อาจจะจัดไม่เข้าที่ กิจกรรมที่จัดอาจยังไม่ค่อยอยู่ในความสนใจของเด็กมากนัก ซึ่งต้องให้เวลาอีกระยะหนึ่งน่าจะลงตัว
ส่วนกรณีที่มีข่าวว่า โรงเรียนปล่อยให้เด็กออกนอกโรงเรียนก่อน 4 โมงเย็น แล้วไปมั่วสุมอยู่ตามห้างสรรพสินค้า สวนสาธารณะ หรือ ร้านเกม นั้น จากการตรวจกับ ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาต่าง ๆ ยังไม่พบว่า นักเรียนจากโรงเรียนที่เข้าโครงการทั้ง 4 พันกว่าโรงเรียน จะมีพฤติกรรมดังกล่าว เพราะโรงเรียนที่เข้าโครงการเป็นโรงเรียนที่มีความพร้อมและได้วางระบบการดูแลเด็ก รวมถึงเตรียมกิจกรรมไว้รองรับเป็นอย่างดี เพราะฉะนั้นหลังจากเลิกเรียนในห้องเรียนแล้วเด็กก็ยังต้องอยู่ในโรงเรียนเพื่อทำกิจกรรมก่อนกลับบ้าน
Advertisement
"เชื่อว่าโรงเรียนที่เข้าโครงการลดเวลาเรียน มีระบบการดูแลนักเรียนอย่างเข้มงวด จะไม่ปล่อยเด็กให้ออกมาเดินตามห้างในช่วงเวลาที่โรงเรียนจัดกิจกรรมแน่นอน เพราะทุกโรงเรียนมีความเข้มแข็งมาก และการดำเนินการครั้งนี้ก็ไม่ได้บังคับ แต่เปิดให้โรงเรียนสมัครใจมาเข้าในโครงการ ดังนั้น โรงเรียนที่สมัครเข้าโครงการก็ต้องมีความพร้อม และสามารถดูแลเด็กได้อย่างเป็นระบบ"
เลขาธิการ กพฐ.กล่าวและว่า อย่างไรก็ตามในภาพรวมต้องถือว่าโครงการนี้สามารถเดินหน้าได้อย่างดี แต่ทั้งนี้จะต้องมีการประเมินผลโครงการเพื่อปรับปรุงให้ดีขึ้นไปอีก เพื่อเตรียมการขยายผลให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน สพฐ.จะมอบหมายให้เขตพื้นที่การศึกษาประชาสัมพันธ์ให้โรงเรียนรับทราบถึงโครงการลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ อย่างทั่วถึงยิ่งมากขึ้นด้วย
ที่มา สยามรัฐ วันที่ 15 พฤศจิกายน 2558