ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมบทความการศึกษา  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

ความเสียหายจากมหาวิทยาลัยไทยปิดเปิดเทอมตามอาเซียน


บทความการศึกษา 11 พ.ย. 2558 เวลา 15:01 น. เปิดอ่าน : 12,654 ครั้ง
Advertisement

ความเสียหายจากมหาวิทยาลัยไทยปิดเปิดเทอมตามอาเซียน

Advertisement

โดย สุพจน์ เอี้ยงกุญชร

ที่มา นสพ.มติชนรายวัน


คณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร ม.แม่โจ้ย่างเข้าสู่ปีการศึกษาที่สองแล้วที่มหาวิทยาลัยไทยเปลี่ยนจากการปิดเทอมใหญ่ในเดือนเมษายนและพฤษภาคมมาปิดในเดือนมิถุนายนและกรกฎาคม และเปลี่ยนจากปิดเทอมย่อยในเดือนตุลาคมมาปิดในเดือนธันวาคม แม้ไม่มีอะไรชัดเจนว่ามีความเกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยอื่นๆ ในอาเซียน ดังบทความเรื่อง มหาลัยมหาหลอกปิดเปิดเทอมตามอาเซียนŽ (มติชน ฉบับวันที่ 29 กันยายน 2558) แต่ในสังคมก็เรียกกันติดปากแล้วว่าการปิดเปิดเทอมตามอาเซียน

สำหรับผลกระทบที่มีต่อมหาวิทยาลัยและผู้คนที่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยก็ได้มีการกล่าวถึงมามากต่อมากจากหลายฝ่าย รวมทั้งบทความเรื่อง มติ ปอมท.เรื่องการปิดเปิดเทอมมหาวิทยาลัยไทยตามอาเซียน (มติชน ฉบับวันที่ 23 มิถุนายน 2558) แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีความเสียหายอื่นๆ ที่คาดไม่ถึงตามมาอีก ซึ่งสรุปเบ็ดเสร็จได้อีกครั้งหนึ่ง ดังนี้

ประการแรก เป็นอุปสรรคต่อการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากความไม่สอดคล้องเหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศของประเทศไทย เพราะเดือนเมษายนและพฤษภาคมจัดเป็นเดือนที่ร้อนที่สุดในรอบปี ซึ่งควรเป็นช่วงการพักร้อนหรือปิดเทอมใหญ่เช่นที่เคยเป็นมา แต่มหาวิทยาลัยไทยกลับมาใช้เป็นช่วงการเรียนในเทอมสอง สภาพอากาศร้อนจัดจึงเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพ ขณะที่เดือนตุลาคมนั้นเป็นช่วงฤดูฝนที่พายุหมุนเขตร้อนมีโอกาสเข้าถึงประเทศไทยได้มากที่สุดในรอบปี ซึ่งจะทำให้เกิดฝนตกหนักและมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดน้ำท่วมได้ แต่มหาวิทยาลัยไทยก็ยอมเสี่ยงจัดให้เป็นช่วงการเรียนการสอนสำหรับเทอมแรก แทนที่จะปิดเทอมให้อยู่กับบ้านหรือไปทำกิจกรรมอื่นๆ ที่หลีกเลี่ยงผลกระทบได้ง่ายกว่า

สำหรับวันหยุดมากมายในช่วงเดือนเมษายนนั้น ก็นับเป็นอุปสรรคที่สำคัญต่อการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพอีกประการหนึ่ง ทั้งวันหยุดอย่างเป็นทางการ (วันจักรี วันสงกรานต์ และวันหยุดชดเชย) และวันหยุดอย่างไม่เป็นทางการเพราะต้องหยุดเอง (วันเช็งเม้งและวันเกณฑ์ทหาร) ล้วนทำให้การเรียนการสอนไม่ต่อเนื่องและไม่มีประสิทธิภาพเป็นอย่างยิ่ง

นอกจากนี้ การเรียนวิชาทหารรักษาดินแดน (รด.) ของนักศึกษาปีหนึ่ง ก็เป็นอุปสรรคอีกประการหนึ่งต่อการเรียนในมหาวิทยาลัยด้วย ทั้งนี้ เพราะปกติการฝึก รด.จะจัดขึ้นในช่วงเดือนตุลาคมซึ่งเคยเป็นช่วงปิดเทอมย่อย แต่ปัจจุบันกลายเป็นช่วงหนึ่งของเทอมแรก หากนักศึกษาต้องไปฝึก รด.ก็จะขาดเรียนไปอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ซึ่งเป็นผลเสียต่อการเรียนในมหาวิทยาลัยของนักศึกษาปีหนึ่งอย่างแน่นอน

 

ประการที่สอง เป็นอุปสรรคต่อการส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมและความสัมพันธ์ในครอบครัว เพราะช่วงเดือนเมษายนจัดเป็นช่วงเดือนกิจกรรมเกี่ยวกับประเพณีสำคัญของครอบครัว มีทั้งวันปีใหม่ไทย วันครอบครัว วันผู้สูงอายุ และวันทำบุญให้แก่บรรพบุรุษ การเรียนการสอนในช่วงนี้จึงเป็นอุปสรรคต่อการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ อย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งเป็นภารกิจสำคัญหนึ่งในสี่ของภารกิจหลักของทุกมหาวิทยาลัยด้วย

ประการที่สาม เกิดความสูญเสียพลังงานเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ทั้งนี้เพราะการเรียนการสอนในช่วงฤดูร้อนแม้จะทำได้โดยการเรียนในห้องปรับอากาศ แต่ก็เป็นการสิ้นเปลืองไฟฟ้าอย่างมโหฬาร ดังจะเห็นได้จากปริมาณการใช้ไฟฟ้าในช่วงฤดูร้อน (เดือนมีนาคม-พฤษภาคม) ของปีที่ผ่านมา ปริมาณการใช้ไฟฟ้ารวมของประเทศทำลายสถิติสูงสุดในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมาถึง 2-3 ครั้ง นี่คือผลพวงจากการเรียนการสอนของมหาวิทยาลัยทั่วประเทศในช่วงฤดูร้อนอย่างชัดเจน

ประการที่สี่ ส่งเสริมให้เกิดวิกฤตภัยแล้ง ปกติเดือนเมษายนและพฤษภาคมเป็นช่วงปลายของฤดูแล้งที่มักเกิดปัญหาภัยแล้ง (ขาดแคลนน้ำอุปโภคและบริโภค) แต่มหาวิทยาลัยกลับมาเพิ่มปริมาณความต้องการใช้น้ำให้สูงขึ้นอีกจากกิจกรรมการเรียนการสอน เหมือนเป็นการซ้ำเติมปัญหาภัยแล้ง ความขาดแคลนน้ำจึงอาจเกิดรุนแรงขึ้นถึงขั้นวิกฤตได้อย่างที่ไม่ควรจะเกิด โดยเฉพาะในปีนี้อาจมีบางมหาวิทยาลัยต้องปิดเรียนกลางคันไปโดยปริยายเพราะขาดแคลนน้ำสำหรับกิจกรรมต่างๆ ในมหาวิทยาลัยนั่นเอง

ประการที่ห้า เกิดความลักลั่นกับการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพราะนักเรียนจะจบชั้นมัธยมปลายตั้งแต่เดือนมีนาคม แต่มหาวิทยาลัยเปิดเทอมแรกในเดือนสิงหาคม ซึ่งระยะเวลาที่เว้นว่างถึง 4-5 เดือนนี้เป็นเหตุให้นักเรียนมีเวลาว่างมากเกินไป จึงอาจเป็นการเปิดโอกาสให้เด็กซึ่งอยู่ในช่วงวัยรุ่นไปทำกิจกรรมนอกลู่นอกทางได้ นับเป็นความเสี่ยงค่อนข้างสูงยิ่ง

นอกจากนี้ การที่ช่วงปิดเทอมของมหาวิทยาลัยและโรงเรียนเหลื่อมล้ำกันทำให้ครอบครัวที่มีลูกมากกว่าหนึ่งคนมีปัญหาในการทำกิจกรรมร่วมกันได้ และที่สำคัญ ความเหลื่อมล้ำนี้ทำให้ผู้ปกครองดูแลทั้งนักเรียนและนักศึกษาพร้อมๆ กันได้ไม่เต็มที่อย่างแน่นอน

Advertisement
 

ประการที่หก เป็นอุปสรรคในการหางานทำของบัณฑิตใหม่ เพราะนักศึกษาบางส่วนไม่สามารถสมัครงานได้ โดยเฉพาะงานภาคเอกชนเพราะต้องรอเกณฑ์ทหารในปีถัดไป หรือบางส่วนต้องจบการศึกษาช้าไปอีก 1-2 ปี เพราะต้องไปรับราชการทหาร อันเป็นผลมาจากการเสี่ยงไปเกณฑ์ทหารก่อนจบการศึกษานั่นเอง ยิ่งไปกว่านั้น การรับสมัครงานทั้งของภาคราชการและเอกชน โดยมากมักเปิดรับสมัครในช่วงเดือนเมษายนและพฤษภาคม ซึ่งเป็นช่วงที่นักศึกษาชั้นปีที่สี่ยังไม่จบการศึกษาด้วย

ประการที่เจ็ด เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจของประเทศ เพราะการที่นักศึกษาต้องจบการศึกษาล่าช้าไปจากเดิมถึง 2 เดือนนั้น ทำให้นักศึกษาเข้าสู่ตลาดแรงงานช้าไปอีก 2 เดือนด้วย ซึ่งทำให้มีรายจ่ายเพิ่มขึ้นทั้งของภาครัฐและภาคครัวเรือนของนักศึกษา แต่ไม่มีรายได้หรือผลผลิตใดๆ มาชดเชยรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นนี้แต่อย่างใด แม้ยังไม่มีการคำนวณตัวเลขความเสียหายในเรื่องนี้ แต่เชื่อว่าเป็นมูลค่ามหาศาลอย่างแน่นอน เพราะจะเกิดกับนักศึกษาทุกรุ่นทุกคนตลอดไป ตราบที่มหาวิทยาลัยไทยยังคงปิดเปิดเทอมตามอาเซียนต่อไป

ความเสียหายทั้งเจ็ดประการนี้นับว่าชัดเจนเป็นอย่างยิ่ง และยังไม่แน่ว่าจะมีความเสียหายอื่นๆ ที่ยังไม่ปรากฏชัดเจนในตอนนี้อีกหรือไม่ เช่น ปัญหาสุขภาพจิตของนักเรียน นักศึกษา อาจารย์ และผู้ปกครองที่ดูเหมือนถูกบีบบังคับให้ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ไม่สอดคล้องกับธรรมชาติและความสมดุลที่เคยมีมาแต่เดิม

ในปีการศึกษา 2558 นี้ มีการสำรวจความเห็นของนักศึกษา คณาจารย์ และเจ้าหน้าที่สายสนับสนุน ถึงความเหมาะสมของการที่มหาวิทยาลัยปิดเปิดเทอมตามอาเซียนแล้วจำนวน 15 มหาวิทยาลัย ผลสรุปในภาพรวมปรากฏว่า กว่าร้อยละ 60 ไม่เห็นด้วยต่อการปิดเปิดเทอมตามอาเซียน โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยในต่างจังหวัดที่ได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก บางมหาวิทยาลัยมีผลสรุปว่าไม่เห็นด้วยสูงกว่าร้อยละ 80 ยิ่งไปกว่านั้น ยังพบว่ามีบางมหาวิทยาลัยที่ไม่ยอมปิดเปิดเทอมตามอาเซียนมาตั้งแต่แรกด้วย เช่น มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี และสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ เป็นต้น และบางมหาวิทยาลัยมีแผนจะกลับไปปิดเปิดเทอมตามเดิมด้วย

ขณะนี้กระทรวงศึกษาธิการก็มีรัฐมนตรีชุดใหม่แล้ว สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ก็ได้เลขาธิการคนใหม่ด้วย แต่ไม่ทราบว่าท่านจะมีวิสัยทัศน์ใหม่ในเรื่องนี้หรือไม่ เพราะยังไม่เห็นท่านแสดงความเห็นในเรื่องนี้ หรือท่านกำลังมัวสาละวนอยู่กับการยกระดับ สกอ.ขึ้นเป็นกระทรวงอุดมศึกษาจึงไม่มีเวลามาพิจารณาเรื่องนี้ หรือท่านจะปล่อยให้มหาวิทยาลัยประกาศอิสรภาพกันเอง

ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง คงต้องขอยืมคำพูดของบางท่านที่เคยกล่าวไว้ว่า อุดมศึกษาไทยไม่ต้องมี สกอ. ก็ได้

 

 

สุพจน์ เอี้ยงกุญชร
คณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร ม.แม่โจ้

 

ที่มา ประชาชาติธุรกิจ วันที่ 10 พฤศจิกายน 2558

 

🖼สำหรับคุณครูไว้ใส่เกียรติบัตรสวยและถูก🖼 กรอบป้ายอะคริลิคตั้งโต๊ะ A4 แนวนอน 30x21.5 cm อะคริลิคใส 1 หน้า ทรง L (A4L1P) ในราคา ฿129 คลิกเลย👇👇

https://s.shopee.co.th/1qLFIZVf4t?share_channel_code=6


ความเสียหายจากมหาวิทยาลัยไทยปิดเปิดเทอมตามอาเซียน

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

การศึกษาในอนาคต

การศึกษาในอนาคต


เปิดอ่าน 21,145 ครั้ง
เราสอบไปเพื่ออะไร?

เราสอบไปเพื่ออะไร?


เปิดอ่าน 22,989 ครั้ง
โรงเรียนยุคมิลเลนเนียล

โรงเรียนยุคมิลเลนเนียล


เปิดอ่าน 8,580 ครั้ง
อ่านอะไร...คนไทย?

อ่านอะไร...คนไทย?


เปิดอ่าน 8,046 ครั้ง
Advertisement


:: เรื่องปักหมุด ::

"โรงเรียนแบบไหนที่สร้างเด็กให้ฉลาด" โดย ดร.สุพาพร เทพยสุวรรณ

"โรงเรียนแบบไหนที่สร้างเด็กให้ฉลาด" โดย ดร.สุพาพร เทพยสุวรรณ

เปิดอ่าน 56,138 ☕ คลิกอ่านเลย

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
ปฏิรูปการศึกษาให้ได้ผล ต้องตั้งต้นจากผลการประเมิน
ปฏิรูปการศึกษาให้ได้ผล ต้องตั้งต้นจากผลการประเมิน
เปิดอ่าน 7,955 ☕ คลิกอ่านเลย

ระบบการศึกษาไม่สมดุล (2)
ระบบการศึกษาไม่สมดุล (2)
เปิดอ่าน 8,304 ☕ คลิกอ่านเลย

การแก้ปัญหาการศึกษาไทย คันที่หลัง อย่าไปเกาที่ขา
การแก้ปัญหาการศึกษาไทย คันที่หลัง อย่าไปเกาที่ขา
เปิดอ่าน 18,856 ☕ คลิกอ่านเลย

ถึงเวลาปลุก “จิตวิญญาณ” ความเป็น “ครู” ก่อนจะไปถึงการศึกษาไทย 4.0
ถึงเวลาปลุก “จิตวิญญาณ” ความเป็น “ครู” ก่อนจะไปถึงการศึกษาไทย 4.0
เปิดอ่าน 75,140 ☕ คลิกอ่านเลย

เราสอบไปเพื่ออะไร?
เราสอบไปเพื่ออะไร?
เปิดอ่าน 22,989 ☕ คลิกอ่านเลย

โอนการศึกษาขั้นพื้นฐานให้ อปท.เพื่อแก้ปัญหาความล้าหลังการศึกษาของไทย (บทความ โดย ถวิล ไพรสณฑ์)
โอนการศึกษาขั้นพื้นฐานให้ อปท.เพื่อแก้ปัญหาความล้าหลังการศึกษาของไทย (บทความ โดย ถวิล ไพรสณฑ์)
เปิดอ่าน 27,439 ☕ คลิกอ่านเลย

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

ครูอุดรไอเดียแหวกสุดฮา ชวนเต้นยอดวิวเป็นแสน!
ครูอุดรไอเดียแหวกสุดฮา ชวนเต้นยอดวิวเป็นแสน!
เปิดอ่าน 34,282 ครั้ง

5 วิธีเช็กเบอร์โทรศัพท์ว่าเป็นของใคร รู้ไว้ป้องกันมิจฉาชีพหลอกลวง
5 วิธีเช็กเบอร์โทรศัพท์ว่าเป็นของใคร รู้ไว้ป้องกันมิจฉาชีพหลอกลวง
เปิดอ่าน 308,944 ครั้ง

ว่านหางจระเข้
ว่านหางจระเข้
เปิดอ่าน 33,348 ครั้ง

ทฤษฎีการวางเงื่อนไขแบบคลาสสิคของพาฟลอฟ (Pavlov)
ทฤษฎีการวางเงื่อนไขแบบคลาสสิคของพาฟลอฟ (Pavlov)
เปิดอ่าน 408,398 ครั้ง

5 สัญญาณเตือนพ่อแม่ จากผลกระทบการเลื่อนเปิดเทอม
5 สัญญาณเตือนพ่อแม่ จากผลกระทบการเลื่อนเปิดเทอม
เปิดอ่าน 37,613 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ