นัดถกโครงสร้าง ศธ. 12 พ.ย.นี้ ดาว์พงษ์ยันต้องมีสำนักงานปลัดและกรมวิชาการแน่ ด้านอดีตปลัด ศธ.หนุนปรับไปเป็นเหมือนเดิม เผยระบบ 5 แท่งเกิดขึ้นแล้วฐานะการศึกษาไทยหล่นจาก 40 มาเป็น 80
นายจรูญ ชูลาภ อดีตปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (อดีตปลัด ศธ.) กล่าวถึงกระแสการปรับโครงสร้างของกระทรวงศึกษาธิการที่จะมีปลัดกระทรวงเป็นหัวหน้าส่วนราชการระดับ 11 เพียงคนเดียว (single command) และจะสลายองค์กรหลักแตกเป็นกรมที่มีอธิบดีระดับ 10 เป็นผู้บังคับบัญชา ว่า โดยส่วนตัวเห็นด้วยกับแนวคิดดังกล่าว คือโครงสร้างควรจะกลับไปเป็นแบบเดิมก่อนที่จะปรับให้มีองค์กรหลัก 5 แท่งเช่นในปัจจุบัน ซึ่งไม่ใช่เป็นการถอยหลัง แต่เพื่อความชัดเจนในการจัดและพัฒนาการศึกษา เพราะตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ปฏิรูปการศึกษาและปรับโครงสร้างกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ ไปไม่ถึงเป้าหมายที่วางไว้ ผลการประเมินหรือการจัดอันดับการศึกษาของประเทศก็ถอยไปเรื่อยๆ จากเคยอยู่อันดับที่ 40 กว่า ก็มาเป็น 80 กว่า ดังนั้นเมื่อยังไปไม่ถึงเป้าหมายก็ต้องมีการปรับเปลี่ยน ซึ่งการกลับไปเป็นกรมแบบเดิมก็ต้องมองว่าโดยตัวองค์กรเล็กลงจริง แต่ก็มีความกระชับ การส่งต่อนโยบายชัดเจน และมีการกำกับติดตามโดยปลัดกระทรวง ต่างจากปัจจุบันที่ต่างคนต่างใหญ่ แต่ละองค์กรหลักขึ้นตรงกับรัฐมนตรีซึ่งอาจจะติดตามได้ไม่ทั่วถึง
"จริงอยู่หากปรับโครงสร้างกลับไปเป็นรูปแบบเดิม องค์กรหลักอาจจะรู้สึกว่าถูกลดบทบาท แต่อยากให้มองว่าการจัดองค์กรแบบนี้ทำให้องค์กรเข้มแข็ง จะส่งผลดีต่อการจัดการศึกษา เพราะแต่ละระดับมีความชัดเจน การสร้างมาตรฐานจะทำได้ง่ายขึ้น และการบริหารก็มีประสิทธิภาพมากขึ้น" อดีตปลัด ศธ.กล่าว และว่า จริงๆ แล้วตนไม่เห็นด้วยกับการปรับโครงสร้างเป็น 5 องค์กรหลักตั้งแต่แรก แต่ตอนนั้นตนทำอะไรไม่ได้ เพราะกฎหมายเริ่มมาก่อนแล้ว
แหล่งข่าวในคณะทำงานท่านหนึ่ง กล่าวว่า การปรับโครงสร้าง ศธ.ครั้งนี้ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เน้นว่า หากมีการปรับ ขอให้ปรับโดยยึดในส่วนของภาระงาน เพราะที่ผ่านมาจัดระบบเป็น 5 องค์กรหลัก พบว่าเป็นการทำงานถือว่าหนักและมีความล่าช้า อย่างเช่น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เป็นต้น วัดจากงานวิจัยของสภาการศึกษา (สกศ.) อีกทั้งการทำงานของ ศธ.ภายใต้โครงสร้าง 5 องค์กรหลัก ถือเป็นรูปแบบเฉพาะ ไม่เหมือนกับกระทรวงต่างๆ จึงยากแก่การทำงานในลักษณะบูรณาการข้ามกระทรวง ดังนั้นก็คาดว่าการปรับครั้งนี้จะมีการจัดการงานที่เป็นสัดส่วนมากขึ้น รวมถึงบริหารงานได้อย่างคล่องตัว แต่ปรับควบคู่ไปกับการพัฒนาโครงสร้างการเรียนรู้ไปพร้อมกัน อย่างไรก็ตาม คาดว่าโดยหลักๆ ส่วนที่คิดว่ามีแน่นอนคือ สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และกรมวิชาการ สำหรับในส่วนอื่นๆ ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละองค์กรว่าจะเสนออะไรบ้าง และวันที่ 12 พฤศจิกายนนี้จะมีการประชุมหารือกันอีกครั้ง.
ที่มา ไทยโพสต์ วันที่ 9 พฤศจิกายน 2558