แนะ กยศ.ให้โอกาสลูกหนี้อีก 6 เดือนถึง 1 ปี พร้อมจี้ทบทวนกระบวนการฟ้องร้องและไล่บี้นักศึกษา ชี้การขึ้นบัญชีดำเป็นการซ้ำเติมเด็ก
วันนี้(2พ.ย.) ตามที่กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ได้เตรียมจัดการขั้นเด็ดขาดกับกลุ่มนักศึกษาที่กู้เงินจาก กยศ.แล้วไม่ยอมใช้หนี้คืน โดยการส่งรายชื่อเข้าสู่ระบบเครดิตบูโร รวมถึงฟ้องยึดทรัพย์นั้น รศ.ดร.ประเสริฐ ปิ่นปฐมรัฐ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี กล่าวว่า วิธีการเร่งรัดติดตามหนี้เป็นสิ่งที่ดี แต่ส่วนตัวเห็นว่าหากผู้กู้ไม่ได้ผ่อนชำระจริง ๆ ควรให้โอกาสเด็กอีก 6 เดือน ถึง 1 ปี เพื่อเป็นการยื่นคำขาดเป็นครั้งสุดท้าย หากในระยะเวลาดังกล่าวผู้กู้ยังไม่ดำเนินการใด ๆ การเข้าสู่กระบวนการฟ้องร้องก็น่าจะเป็นสิ่งที่ชอบธรรมในการดำเนินการ
"ผมเชื่อว่านักศึกษาที่กู้ยืมเงินจากกองทุน กยศ. ต้องการที่จะชำระเงินคืนกองทุน กยศ.อย่างแน่นอน เพียงแต่ขาดความพร้อมในการส่งคืน เนื่องจากครอบครัวมีความลำบาก และรายได้ที่ได้รับมาก็ไม่เพียงพอที่จะนำมาชำระ เพราะการกู้ยืมเงินจาก กยศ.นั้นไม่ได้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายระหว่างที่เรียนทั้งหมด ดังนั้น เด็กจึงอาจมีการกู้ยืมจากแหล่งเงินอื่นๆอีก จึงมีความจำเป็นที่จะต้องใช้คืนที่อื่นก่อน" อธิการบดี มทร.กล่าวและว่า ตนอยากให้ กยศ.ทบทวนกระบวนการฟ้องร้อง และไล่บี้นักศึกษา เพราะนักศึกษาคือทุนมนุษย์ของประเทศ การขึ้นบัญชีดำเท่ากับเป็นการซ้ำเติม และอาจทำให้กระบวนการที่ลงทุนไปกับการศึกษา 12 ปีของคนๆ นั้น มีค่าเป็นศูนย์ ควรยืดเวลา และทำข้อตกลงกันอีกครั้ง เหมือนกับที่ กยศ.ผ่อนปรนหลักเกณฑ์การกู้ยืมต้องมีเกรดเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 2.00 โดยยืดระยะเวลาบังคับออกไป ทำให้เด็กมีความกระตือรือรนต่อการเรียนเพิ่มขึ้น ซึ่งจากมาตรการดังกล่าว ขณะนี้ มทร.ธัญบุรี มีนักศึกษาที่กู้ยืมเงิน กยศ. ที่มีเกรดเฉลี่ยนไม่ถึง 2.00 ไม่เกิน 10% ซึ่งลดลงจากเดิมเป็นจำนวนมาก
รศ.ดร.ประเสริฐ กล่าวต่อไปว่า สำหรับการชำระเงินคืน กยศ.นั้น ที่ผ่านมา มทร.ธัญบุรี ได้ประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจกับเด็กมาโดยตลอดและก็มีผู้กู้ยืมชำระเงินคืน เป็นจำนวนมาก มีเพียงส่วนน้อยที่ไม่ชำระหนี้ ซึ่งทางบมหาลัยก็พยายามประสานให้รีบมาชำระเงินคืนโดยเร็วที่สุด อย่างไรก็ตามฝากถึงนักศึกษาที่กู้ยืมเงิน กยศ.ทุกคน ว่า ควรมีความรับผอดชอบ รักษาวินัยในการชำระหนี้ มีจิตสำนึกคิดถึงผู้อื่นด้วย โดยเฉพาะรุ่นน้องที่มี“
อ่านต่อที่ : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 2 พฤศจิกายน 2558