“ธีระเกียรติ”เผยที่ประชุมซุปเปอร์บอร์ดด้านการศึกษา ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มีมติให้ปฏิรูประบบประเมินและประกันคุณภาพการศึกษาทุกระดับ คาดใช้เวลา 3เดือนถึง 1 ปี ส่วนสมศ.จะเลื่อนประเมินรอบสี่หรือไม่ต้องให้ประกาศเอง
วันนี้(2พ.ย.) นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมช.ศึกษาธิการ(ศธ.) เปิดเผยว่า จากการประชุมคณะกรรมการนโยบายการศึกษา หรือ ซูเปอร์บอร์ดด้านการศึกษา ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เมื่อวันที่ 30 ต.ค.ที่ผ่านมา ที่ประชุมมีมติให้มีการปฏิรูประบบประเมินและประกันคุณภาพการศึกษาทุกระดับในสถานศึกษาทั่วประเทศก่อนที่จะเดินหน้าประเมินทั้งภายใน และรับการประเมินภายนอกรอบสี่ จากสำนักงานงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา(สมศ.) โดยเห็นว่าทุกวันนี้การประเมินดังกล่าวใช้กระดาษ และตัวชี้วัดยังไม่เป็นที่ยอมรับจากสถานศึกษา นักวิชาการดูแล้วยังไม่เป็นธรรม มีภาระมาก ต้องมีการปรับปรุงและต้องปฏิรูปครั้งใหญ่ เพราะหากครั้งนี้ยังไม่ปฏิรูปก่อนประเมินก็จะทำให้การประเมินสร้างความทุกข์ สร้างภาระ และความเครียดให้โรงเรียนหลายหมื่นโรง ขณะที่ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย(ทปอ.)ก็ได้สะท้อนถึงภาระการประเมินภายในจากสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา(สกอ.)เช่นกัน ดังนั้นจึงอยากประกาศนโยบายเลิกทาสกระดาษ ซึ่งไม่ใช่การเลิกใช้กระดาษ แต่หมายถึงให้เป็นนายกระดาษ และเขียนสิ่งที่มีประโยชน์ลงในกระดาษเท่านั้น
“รัฐบาลมีนโยบายชัดเจนว่า ต้องเดินหน้าปฏิรูปการประเมินก่อนที่จะมีการประเมินคุณภาพการศึกษารอบสี่ โดยต้องยกเครื่องที่ต้องเปลี่ยนตัวชี้วัด ซึ่งไม่จำเป็นต้องมีตัวชี้วัดมาก และต้องประเมินตามความเป็นจริงและเที่ยงธรรม รวมทั้งผู้ที่เข้ามาประเมินทั้งภายในก็จะต้องเป็นคนที่มีคุณภาพ และภายนอกเองบริษัทที่จะทำการประเมินก็ต้องมีคุณภาพเช่นกัน ดังนั้นเมื่อสิ่งเหล่านี้ยังไม่เกิดขึ้นรัฐบาลก็จะไม่ยอมให้มีการประเมิน ส่วนเวลาในการปฏิรูประบบประเมินนั้นให้เป็นไปตามที่จำเป็นแต่จะให้เร็วที่สุดซึ่งอาจจะเป็น 3 เดือน 6 เดือนหรือ 1 ปีก็ได้ โดย 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาสังคมสับสนมาก เพราะผู้บริหารในรัฐบาลพูดไม่ตรงกัน ซึ่งไม่เป็นความจริง ผม และ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี ที่ดูแล สมศ. และ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ ก็มีความเห็นที่ตรงกันในเรื่องนี้ เราพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าให้ปฏิรูประบบประเมินก่อน ” รมช.ศึกษาธิการ กล่าว
รมช.ศึกษาธิการ กล่าวด้วยว่า ส่วนที่ สมศ.ระบุว่าจะประเมินรอบสี่ในเดือนมกราคม 2559 นั้น เมื่อนโยบายรัฐบาลออกมาอย่างนี้แล้ว คงต้องไปถาม สมศ. ว่าจะทำอย่างไร หาก สมศ.ยังยืนยันว่าจะทำต่อ ก็ต้องมาดูอีกทีว่ารัฐบาลจะทำอย่างไรต่อไป แม้ว่า สมศ.จะระบุว่า ต้องทำตามกฎหมาย แต่ สมศ.ก็ต้องทำตามนโยบายรัฐบาลที่ประกาศผ่านซูเปอร์บอร์ดด้วย ส่วนคณะกรรมการร่วมระหว่าง สมศ. และ ศธ. นั้น ยังไม่เคยมีข้อสรุป และเป็นเพียงคณะทำงานเฉพาะกิจ ซึ่งตอนนี้ไม่มีผลใด ๆ แล้ว อย่างไรก็ตามหลังจากซูเปอร์บอร์ดประกาศนโยบายนี้แล้ว แต่ละฝ่ายก็ต้องกลับไปปฏิรูประบบประเมินของตนเอง ในส่วนของ ศธ.ก็เริ่มปรับปรุงการประเมินภายในของตนเอง ส่วน สมศ. ก็เช่นกัน ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้กำหนดโรดแมปหรือวิธีการว่าจะทำอย่างไรต่อไป ซึ่งระยะเวลาในการปฏิรูประบบประเมินจะส่งผลให้ต้องเลื่อนการประเมินรอบสี่ออกไปหรือไม่ คงต้องให้ สมศ.เป็นผู้ประกาศเองว่า จะเลื่อนการประเมินหรือไม่ ทั้งนี้ตนไม่อยากให้คนเข้าใจผิดว่า การประเมินจะต้องเลื่อนออกไปแบบอมตะนิรันดร เพราะเป้าหมายจริง ๆ ต้องการแค่ยกเครื่องและปฏิรูประบบประกันคุณภาพเท่านั้น
อ่านต่อที่ : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 2 พฤศจิกายน 2558