พลเอกดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยผลการประชุมหารือกับผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาทุจริตในสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สำนักงาน สกสค.) เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 15 ตุลาคม 2558 โดยมีนายโยธิน มูลคำบิล ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายธเนศพล ธนบุณยวัฒน์ ประธานคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เข้าร่วมประชุม
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ได้ประชุมหารือร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI), สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.), สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.), สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน, คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.), ผู้ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการสำนักงาน สกสค. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินคดีทุจริตของสำนักงาน สกสค.
โดยเฉพาะกรณีการซื้อตั๋วสัญญากับบริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด มูลค่าความเสียหายประมาณ 3,000 ล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมา DSI ได้ส่งเรื่องดำเนินคดีเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องและคดีอาญาไปให้ ป.ป.ช.ดำเนินการ เพื่อส่งต่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการต่อไป ในขณะที่ สกสค.ก็ได้ไปแจ้งความคดีอาญาไว้ที่สถานีตำรวจนครบาลดุสิต 3 ข้อหา คือ พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค ฉ้อโกง และปลอมตั๋วเงิน โดยในขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งเรื่องทั้งหมดไปยัง ป.ป.ช.แล้ว
ในส่วนของ ปปง.ได้ดำเนินการอายัดทรัพย์ของบริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด และบุคคลที่เกี่ยวข้องรวม 153 รายการ มูลค่าทรัพย์สิน 500-800 ล้านบาท ซึ่ง สกสค.ได้ยื่นฟ้องต่อศาลแพ่งเกี่ยวกับการอายัดทรัพย์ดังกล่าว และผ่านขั้นตอนของอัยการเมื่อช่วงปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา ขณะนี้รอการพิจารณาของศาลแพ่งว่าจะรับคำร้องหรือไม่อย่างไร ซึ่งหากกระทรวงศึกษาธิการมีหลักฐานที่ดีและสามารถชนะคดี ก็จะได้เงินในส่วนนี้กลับคืนมาที่สำนักงาน สกสค.
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมมีความเห็นตรงกันว่า หากต้องการดำเนินการให้มีความรวดเร็วมากขึ้น เพื่อให้ผู้กระทำความผิดได้รับโทษ ควรจะต้องส่งเรื่องการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งอดีตคณะกรรมการ สกสค.และเจ้าหน้าที่ ซึ่งอยู่ที่ ป.ป.ช.ไปให้ DSI ดำเนินการ และจะต้องรอผลการพิจารณาของทั้งสองหน่วยงานด้วยว่าเป็นอย่างไร
ในส่วนคดีอาญาอยู่ระหว่างการพิจารณาวิธีดำเนินการใน 2 ส่วน คือ
1) ให้ สกสค.เป็นผู้ดำเนินการฟ้องคดีอาญาในฐานะผู้เสียหายเอง หรือ
2) ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจโอนคดีให้กับ DSI เป็นผู้ดำเนินการฟ้องร้อง
นอกจากนี้ ขณะนี้พบประเด็นใหม่ที่เกี่ยวกับการอนุมัติจ่ายเงินของธนาคารให้กับบริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่า ธนาคารที่ สกสค.ได้ฝากเงินไว้ อนุมัติจ่ายเงินให้กับบริษัทดังกล่าวตรงตามเงื่อนไขที่ได้ทำสัญญาไว้หรือไม่
ส่วนคำถามกรณีการดึงคดีที่เกี่ยวกับอดีตคณะกรรมการและผู้เกี่ยวข้องมาดำเนินเองหรือไม่นั้น คาดว่าส่วนนี้จะให้ DSI ช่วยดูให้ว่าผู้ใดกระทำผิด ละเว้นหรือไม่ละเว้นบ้าง แต่จะต้องรอผลการพิจารณาของ ป.ป.ช.ก่อนว่าจะส่งเรื่องไปให้ DSI หรือไม่ และเมื่อ DSI ได้รับเรื่องจาก ป.ป.ช.แล้ว ก็จะต้องให้บอร์ด DSI พิจารณารับเรื่องเป็นคดีพิเศษก่อน เชื่อว่าหาก DSI ได้ดำเนินการจริงก็จะทำได้เร็ว เพราะมีข้อมูลในเรื่องนี้อยู่แล้ว
สำหรับกรณีการดำเนินคดีกับบุคคลใหญ่โตที่เข้ามาเกี่ยวข้องนั้น ยืนยันว่าในเรื่องนี้จะไม่มีทางตอบเป็นอย่างอื่นได้เลย นอกจากกฎหมายต้องเป็นกฎหมาย และนโยบายรัฐบาลนี้ยึดถือกฎหมายเป็นหลักอยู่แล้ว
ที่มา กระทรวงศึกษาธิการ วันที่ 15 ตุลาคม 2558