รศ.นพ.กำจร ตติยกวี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยความคืบหน้าตามกรณีที่พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) มอบให้ไปดูบัญชีเงินเดือนข้าราชการครูในสังกัด ศธ. ว่ามีการหักเงินเดือนชำระหนี้ในระบบทั้งในส่วนธนาคาร สหกรณ์ออมทรัพย์ครู รวมถึงอื่นๆ และมีเงินเดือนเหลือเพื่อใช้จ่ายในชีวิตประจำวันเท่าไหร่ว่า ขณะนี้ได้มอบหมายให้นายพินิจศักดิ์ สุวรรณรังค์ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (เลขาธิการ ก.ค.ศ.) ทำหนังสือถึงสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) ดำเนินการรวบรวมข้อมูลการเงินในภาพรวมของข้าราชการครูในสังกัด โดยขอเฉพาะตัวเลขเงินเดือนและการหักเงินเดือนในภาพรวม ไม่ต้องระบุชื่อบุคคล และส่งข้อมูลมายังสำนักงาน ก.ค.ศ. ภายใน 15 วันเพื่อนำไปประมวลผล
"เพื่อไม่ให้เกิดข้อกังวลใจว่าจะเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของครู เพราะฉะนั้น ข้อมูลที่ขอไปนั้นจึงขอเป็นภาพรวมซึ่งแต่ละหน่วยงานมีข้อมูลอยู่แล้วว่าบุคลากรเงินเดือนเท่าไหร่ ถูกหักไปเท่าไหร่ โดยไม่ต้องระบุชื่อบุคคลหรือตำแหน่ง และหัวหน้าส่วนราชการจะต้องรับรองว่าเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง ทั้งนี้ ข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลภาพรวมที่อาจไม่ได้ต้องการความเที่ยงตรง 100% แค่ต้องการดูปัญหาหนี้สินครูที่มีอยู่ในเวลานี้ มีมากน้อยแค่ไหน ซึ่งตรงนี้ก.ค.ศ.จะนำข้อมูลที่ได้รับไปประมวลผลโดยอาจตั้งสมมุติฐานหลายๆ รูปแบบ อาทิ มีเงินเดือนน้อยกว่ากี่เปอร์เซ็นต์เป็นปัญหา เป็นต้น เพื่อได้รู้ว่าเรามีมีปัญหาเรื่องใดมากที่สุดโดยต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์" ปลัด ศธ.กล่าว
รศ.นพ.กำจร กล่าวต่อว่า ส่วนที่มอบให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ไปสำรวจความต้องการของครูในการดูแลสวัสดิการและสวัสดิภาพ อาทิ ทั้งสุขภาพอนามัย ที่อยู่อาศัย การศึกษาบุตร รวมถึงความเป็นผู้ป่วยทุพพลภาพ ฯลฯ ว่าความต้องการแท้จริงมีเรื่องใดบ้าง ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการ หากต้องการทุกอย่างก็ต้องมาจัดระบบ ซึ่งการดูแลเรื่องดังกล่าวควรนำเงินกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษโครงการราปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา มาดำเนินการจะมีความเหมาะสม
ที่มา: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก