รอกฤษฎีกาตรวจสอบ พ.ร.บ.ก่อนชง ครม. สวทอ.ลุ้นพร้อมอยู่บ้านใหม่
พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวในพิธีเปิดการประชุมผู้บริหารและครูวิทยาลัยอาชีวศึกษาเอกชนและการประชุมใหญ่สามัญประจำปี ครั้งที่ 40 การปรับยุทธศาสตร์อาชีวศึกษาเอกชนภายใต้บริบทที่เปลี่ยนแปลง จัดโดยสมาคมวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สวทอ.) ว่า ปัญหาการลดลงของ จำนวนผู้เรียนอาชีวศึกษาทั้งภาครัฐและเอกชน สวนทางกับความต้องการแรงงานของประเทศจึงต้องหาสาเหตุที่แท้จริงของการลดลงดังกล่าว ที่ผ่านมามีการพูดกันมากถึงปัญหาเกิดจากค่านิยม การทะเลาะวิวาทของนักเรียน แต่ตนไม่เชื่อ ดังนั้น อาชีวะทั้งรัฐและเอกชนต้องตีโจทย์ให้แตกว่าสาเหตุที่แท้จริงคืออะไร โดยเจาะลึกปัญหาลงเป็นรายพื้นที่ กรณีที่อาชีวะเอกชนต้องการให้รัฐสนับสนุนทั้งปรับเพิ่มเงินอุดหนุนรายหัว การมีอิสระทางวิชาการ การขอยกเว้นหรือลดหย่อนภาษีต่างๆ การสนับสนุนสวัสดิการและสถานภาพครูอาชีวศึกษาเอกชน การเปิดสอนระดับปริญญาตรี การเพิ่มสิทธิ์กู้ยืมเงินจากกองทุนกู้ยืมเงินเพื่อการศึกษา (กยศ.) ซึ่งในส่วนของ กยศ.ตนจะไปหารือกับกระทรวงการคลัง ทั้งนี้ ขอให้ไปรวบรวมข้อมูลรายละเอียดมาหารือร่วมกัน
“มีการพูดกันมากถึงการกำกับดูแลอาชีวศึกษาเอกชน ซึ่งที่ผ่านมาอยู่ในการดูแลของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ขณะที่ต่างจังหวัดมีสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) ดูแลทั้งที่ไม่มีความเชี่ยวชาญ ขณะนี้กำลังดูเรื่องการให้อาชีวศึกษาเอกชนไปอยู่ในความดูแลของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) เพื่อให้การพัฒนาอาชีวศึกษาทั้งรัฐและเอกชนเป็นไปในทิศทางเดียวกัน” พล.อ.ดาว์พงษ์กล่าว
ด้าน รศ.นพ.กำจร ตติยกวี ปลัด ศธ.กล่าวว่า ได้แก้ไข พ.ร.บ.การศึกษาเอกชน (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2554 เพื่อโอนอาชีวศึกษาเอกชนไปอยู่ในกำกับ สอศ.ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบของคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ต่อไป
ขณะที่ รศ.ดร.จอมพงศ์ มลคลวณิช นายกสมาคม สวทอ. กล่าวว่า อาชีวศึกษาเอกชนได้ข้อสรุปร่วมว่าจะไปอยู่ในกำกับของ สอศ.โดยมีสถานะ
เป็นสำนักหนึ่ง เพื่อความเป็นเอกภาพและมีความชัดเจนในการพัฒนาอาชีวศึกษา รวมถึงรองรับประชาคมอาเซียน ขณะที่สัดส่วนการรับนักศึกษาจะต้องกำหนดให้ชัดเจน.
ที่มา หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ วันที่ 10 ตุลาคม 2558