ศธ.ได้ข้อสรุปโครงการคุรุทายาทรุ่นใหม่ วางระบบค้นหาผู้เรียนเก่ง ดี มีใจรักอาชีพครู พร้อมเตรียมอัตราว่างโดยรู้ชื่อโรงเรียนที่จะบรรจุก่อนเข้ามหา'ลัย มั่นใจได้ครูตรงความต้องการ
วันนี้(7ต.ค.)รศ.นพ.กำจร ตติยกวี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) เปิดเผยว่า จากการประชุมคณะกรรมการดำเนินการแก้ไขปัญหาครูและบุคลากรทางการศึกษา รวมทั้งพัฒนาระบบการสรรหาและปัญหาคุณภาพครูและบุคลากรทางการศึกษาทั้งระบบ เมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่ประชุมได้หารือประเด็นที่ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ ศธ.ดูแลเรื่องการผลิตและพัฒนาครู ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาโครงการคุรุทายาท ที่มีการนำกลับมาทำใหม่เพื่อหาคนดี คนเก่ง และมีความตั้งใจเป็นครูจริง ๆ มาเข้าโครงการ โดยได้ข้อสรุปว่า การดำเนินการจะเริ่มต้นโดยมอบให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.)ทำบัญชีอัตราว่างจากการเกษียณอายุราชการของครูเป็นรายโรงเรียนส่งให้สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา(สกอ.) เพื่อส่งต่อให้เครือข่ายอุดมศึกษา 9 เครือข่ายในทุกภูมิภาคทั้งประเทศ เพื่อไปพิจารณาว่า มหาวิทยาลัยไหนรับผิดชอบโรงเรียนอะไรในพื้นที่นั้น ๆ แล้วให้ค้นหาเด็กในพื้นที่ที่มีแววและมีความตั้งใจจะเป็นครูมาส่งเสริมและให้เข้าโครงการในมหาวิทยาลัยในพื้นที่ เมื่อจบการศึกษาก็ให้บรรจุในโรงเรียนนั้น ๆ โดยมหาวิทยาลัยจะมีการติดตามเด็กตั้งแต่เริ่มกระบวนการผลิตจนถึงบรรจุเป็นครูและมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
“ถ้าดำเนินการได้ตามแนวทางนี้ จะทำให้ได้คนดี คนเก่งเข้าไปทำงานในพื้นที่ที่ต้องการจริง ๆ และระหว่างที่ศึกษาอยู่เด็กก็จะมีเวลากลับไปท้องถิ่น เพื่อไปดูโรงเรียนที่จะไปสอน โดยมหาวิทยาลัยที่รับผิดชอบจะเข้าไปดูด้วย ซึ่งวิธีการนี้จะเป็นการกระตุ้นให้แต่ละมหาวิทยาลัยต้องแข่งขันกันด้วยว่า ใครทำได้ดี ไม่ดี ซึ่งจะเห็นได้จากผลผลิตที่ออกมา โครงการนี้ถือเป็นโครงการรูปแบบใหม่ ที่เด็กจะรู้ตัวเองเลยว่า จะต้องบรรจุที่ไหนตั้งแต่เข้าเรียน ซึ่งแตกต่างจากที่ผ่านมาที่เลือกแต่คนเก่ง คนดี อีกทั้งโครงการนี้จะไม่คัดเลือกเฉพาะเด็กยากจน เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะยากจนหรือไม่ก็เข้าโครงการนี้ได้ เมื่อเรียนจบก็จะให้ทำงานใช้ทุนในพืันที่เป็นเวลา 4 ปี จึงจะมีสิทธิขอย้ายได้”ปลัด ศธ.กล่าวและว่า โครงการนี้จะเป็นโครงการต่อเนื่อง 10 ปี (ปีการศึกษา 2559-2569) โดยปีแรกในปี 2559 รับนักเรียนทุนจำนวน 4,500 ทุน ทั้งนี้จะเสนอรมว.ศึกษาธิการเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.)ต่อไป
ที่มา หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 7 ตุลาคม 2558