รร.เอกชนส่อวิกฤติจ่อสูญพันธุ์ เด็กน้อย-ขาดทุนอยู่ยาก"กำจร"มองไกลโรงเรียนรัฐต้องทบทวนการขยายตัว
ปลัด ศธ.เผยโรงเรียนเอกชนอยู่ในสถานการณ์วิกฤติ ส่อยุบหลายแห่ง เหตุเด็กน้อยบาง แห่งลด 50% และต้นทุนสูง "กำจร" มองภาพรวมควรทบทวนการขยายตัวโรงเรียนรัฐ และตั้งคำถามควรมีโรงเรียนเอกชนต่อไปอีกหรือไม่ เพราะแนวโน้มอัตราการเกิดเด็กไทยต่ำ
นพ.กำจร ตติยกวี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ปลัด ศธ.) กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) เมื่อเร็วๆ นี้ ที่ประชุมได้มีการหารือถึงข้อขัดข้องหรือปัญหาอุปสรรคในการดำเนินงานของโรงเรียนเอกชน ซึ่งประเด็นที่มีการพูดกันมากคือ การลดจำนวนลงของเด็กวัยเรียน ซึ่งส่งผลกระทบถึงจำนวนนักเรียนของโรงเรียนเอกชนทุกระดับลดลงตามไปด้วย จำนวนเด็กมีแนวโน้มลดลงมากจนค่อนข้างน่าเป็นห่วง เท่าที่ทราบบางโรงลดลงมากกว่า 50% โดยเฉพาะระดับอาชีวศึกษา ทำให้โรงเรียนต้องรับภาระหนักมาก เนื่องจากมีต้นทุนค่อนสูง ขณะที่ผู้เรียนลดน้อยลงอย่างรวดเร็ว จึงเห็นว่าเรื่องนี้ต้องพิจารณาเป็นภาพรวมของประเทศ ว่าการจัดการศึกษาทั้งระบบต้องเป็นความร่วมมือของทั้งภาครัฐและเอกชน ไม่ใช่เป็นหน้าที่ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
นพ.กำจรกล่าวต่อว่า หากสถานการณ์ยังคงเป็นอย่างนี้ อาจถึงขั้นต้องพิจารณาว่าโรงเรียนเอกชนยังมีความจำเป็นหรือไม่ ถ้าเอกชนจัดไม่ไหวก็คงต้องถอยไปเอง แต่ขณะนี้ทราบว่ามีโรงเรียนเอกชนจำนวนไม่น้อยที่กุมขมับอยู่ เพียงแต่ยังไม่เปิดตัวเลขออกมาว่ามีปิดตัวกันไปแค่ไหนแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาชีวะเอกชนในต่างจังหวัดบางแห่งต้องแบกภาระหนักมาก จากที่เคยรับนักเรียนปีละหลายพันคน ก็ลดลงมาเหลือแค่หลักร้อยเท่านั้น และสถานการณ์ดังกล่าวก็มีความเป็นไปได้ที่จะส่งผลไปถึงโรงเรียนของรัฐด้วยเช่นกัน ว่าต่อไปในอนาคตอาจไม่จำเป็นต้องมีการขยายขนาดโรงเรียน ทั้งขยายชั้นเรียนหรืออาคารเรียน เพราะปัจจุบันถือว่ามีมากพอที่จะรองรับจำนวนนักเรียนแล้ว ในที่ประชุมซึ่งมีผู้แทนจากสำนักงบประมาณร่วมประชุมอยู่ด้วยก็รับทราบปัญหานี้แล้ว ซึ่งก็มีการพูดกันว่า มีความเป็นไปได้ว่าต่อไปงบประมาณการขยายโรงเรียนอาจจะไม่เพิ่มขึ้นอีกก็ได้
"ผมจึงได้เน้นย้ำว่าโรงเรียนเอกชนต้องแสดงจุดเน้นที่แตกต่างให้ได้ โดยเฉพาะเรื่องคุณภาพการจัดการศึกษา ซึ่งบางเรื่องความเป็นเอกชนน่าจะขยับตัวได้เร็วกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องภาษา เมื่อจำนวนเด็กลดลงอย่างต่อเนื่อง ก็มีความจำเป็นต้องพิจารณาด้วยว่าต้องมาปรับอะไรอีกหรือไม่ อาทิ การขอคืนอัตราครูที่เกษียณอายุราชการ ว่าจำเป็นต้องคืนทั้ง 100% หรือไม่ เพราะเมื่อจำนวนเด็กวัยเรียนลดลง หากโรงเรียนรัฐยังรับนักเรียนเต็มที่เหมือนเดิม ก็จะส่งผลให้เด็กไปเรียนเอกชนลดลงแน่นอน อย่างไรก็ตาม ตนได้สั่งการให้ สช.รวบรวมปัญหาอุปสรรคของการจัดการศึกษาของโรงเรียนเอกชน พร้อมทั้งข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ปัญหาที่มีความเป็นไปได้เสนอขึ้นมา เพื่อนำเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) ต่อไป" ปลัด ศธ.กล่าว.
ที่มา ไทยโพสต์ วันที่ 5 ตุลาคม 2558