ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินระบุ สตง.จังหวัดเริ่มตรวจสอบโครงการส่งเสริมความเป็นอยู่ตำบล 5 ล้านบาท แม้อยู่ระหว่างพิจารณาอนุมัติงบฯ พบข้าราชการทุจริตส่งชื่อให้ ศอตช.ทันที ด้าน รมว.มหาดไทย เตรียมกำชับผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศจัดสรรงบตามหลักเกณฑ์ก่อนอนุมัติ
วันนี้ (1 ต.ค. 2558) นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการส่งเสริมความเป็นอยู่ตำบลละ 5 ล้านบาท อยู่ระหว่างการพิจารณาอนุมัติงบฯ เพื่อดำเนินการ แต่ทางสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินจังหวัดเริ่มปฏิบัติหน้าที่ติดตามและตรวจสอบ
นายพิศิษฐ์กล่าวต่อว่า โครงการในลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต จึงใช้ประสบการณ์ปิดช่องว่างไม่ให้เกิดการทุจริตขึ้น และพร้อมตรวจสอบและเอาผิดข้าราชการที่พัวพันการทุจริต ด้วยการส่งชื่อให้ศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.)
“หลักเกณฑ์ในการตรวจสอบคือการพิจารณาว่าแต่ละโครงการนั้น เป็นไปตามนโยบาย เจตนา และตรงตามวัตถุประสงค์หรือไม่ ในขณะเดียวกันก็ต้องเกิดความคุ้มค่า มีประสิทธิภาพ และมีความโปร่งใส” ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน
ขณะที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า เตรียมประชุมหารือข้อราชการร่วมกับคณะผู้บริหารระดับสูงของกระทรวง และส่งมอบนโยบายให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศวันพรุ่งนี้ (2 ต.ค. 2558) ซึ่งจะกำชับเรื่องการบริหารจัดการงบฯ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวัตถุประสงค์ที่วางไว้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.บุรีรัมย์ ช่างผู้นำนาญการจากสำนักงานโครงการชลประทานจังหวัด พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบเอกสารหลักฐาน ที่แต่ละตำบลเสนอขอ ขุดลอกแหล่งน้ำ ก่อสร้างถนน และสิ่งปลูกสร้าง
ด้าน นายยุทธนา วิริยะกิตติ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า ได้กำชับกรรมการกลั่นกรองเพิ่มความรัดกุมในการตรวจสอบ และประสานตัวแทนกรรมการหมู่บ้านร่วมหารือ หลังหลายตำบลเสนอโครงการธนาคารโค-กระบือ
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มว่า ส่วน ต.วังยาง อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร ชาวบ้านและผู้นำท้องถิ่นร่วมหารือจัดทำโครงการส่งเสริมความเป็นอยู่ตำบลละ 5 ล้านบาท โดยส่วนหนึ่งเสนอสร้างโรงสีชุมชน ขุดลอกคลอง จัดทำลานตามผลผลิตทางการเกษตร และซ่อมแซมระบบประปา
ที่มา ThaiPBS วันที่ 1 ตุลาคม 2558